[บทความ] Yuusha Series - Brave Express MightGaine เปิดตำนานของผู้กล้า ตอนที่ 2 - Yuusha Tokkyu MightGaine -

ก่อนจะเริ่มต้นบทความชิ้นนี้ ผมต้องขอขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านและติชมบทความของผมก่อนหน้านี้คือ DENSETSU NO YUUSHA DA-GARN นะครับ ซึ่งผมเองก็รู้สึกดีนะ ที่งานของผม มีกระแสตอบรับที่ดีค่อนข้างเยอะ บวกกับ ความชอบของผมส่วนหนึ่งแหละนะครับ ผมได้กำลังใจได้เยอะมากเลยแหละครับ แต่พอผมมาลองอ่านงานที่ผมเขียนเองดู ผมก็รู้สึกนะว่า มันยังขาดจุดสำคัญบางจุดไป แต่ไม่เป็นไร งานหน้า จะพยายามทำให้ดีกว่าเดิม

ในบทความเรื่องก่อน ผมเคยบอกไปแล้วนะครับว่า Anime แนวหุ่นยนต์ ซึ่งถ้าเป็นซีรี่ย์ Yuusha ผมมีโอกาสได้ดูทุกเรื่องครับ แต่ซีรี่ย์ที่ได้ดูจบมีแค่ Da-Garn , MightGaine , J-Decker และกาโอไกการ์ เท่านั้นเอง เรื่องอื่น ผมได้ต้นฉบับมาดูครบแหละ แต่เนื่องจากเวลาที่ ช่วงนี้มีแต่เรื่องสอบๆๆ จึงแทบไม่มีเวลาได้เปิดดูเลยน่ะแหละครับ ผมเลยอยากจะเขียนงานเฉพาะส่วนที่ผมได้ดูจนจบเรื่องก่อน มันน่าจะดีน่ะแหละครับ แล้วส่วนเรื่องอื่นๆ ถ้าได้ดูแล้ว จะค่อยเขียนงานออกมาครับผม

สำหรับบทความชิ้นนี้ ผมจะขอเปิดตำนาน Yuusha อีกเรื่องหนึ่ง ที่มีเนื้อเรื่องโดดเด่นไม่แพ้เรื่องไหนเหมือนกัน นั่นก็คือ “ไมท์ไกน์” ครับผม

Yuusha Tokkyu Might Gaine เป็นซีรี่ย์หุ่นยนต์ผู้กล้าลำดับที่ 4 ต่อจาก ดาการ์น โดยเริ่มต้นแพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ อาซาฮี ทางประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 30 มกราคม ปี ค.ศ. 1993 (พ.ศ.2536) จนถึงวันที่ 22 มกราคม ปี 1994 ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 47 ตอน โดยออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 17.00 เฉลี่ยเวลาในการออกอากาศตอนละประมาณ 30 นาที และทางประเทศไทยเรา เคยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี ในชื่อว่า “หุ่นสายฟ้าประจัญบาน” โดยออกอากาศช่วงเช้าวันพุธ – ศุกร์ ช่วงปี 2544 และหยุดออกอากาศชั่วคราวในช่วงเดือนกันยายน และได้กลับมาฉายต่อ โดยเปลี่ยนเป็นทุกเช้าวันอาทิตย์


Staff

Director : Shinji Takamatsu
Writer : Takao Oyama
Music : Takashi Kudoh
Series Composition : Fuyonori Gobu , Yasushi Hirano
Original Creator : Hajime Yatate
Character Design : Akira Oguro , Atuko Ishida
Mechanical Design : Kunio Okawara
Producer : Hitoshi Kako , Mami Ohara , Takayuki Yoshii
Broadcaster : Nagoya Broadcasting Network
Production : Sunrise

Posted Image

Main Story

นีโอโตเกียวซิตี้ เป็นเมืองที่เน้นการใช้เส้นทางคมนาคมด้วยรถด่วนชินคันเซ็น แต่อย่างไรก็ตาม เมืองนี้กลับเป็นเมืองที่เกิดการบุกรุก และการก่อการร้ายด้วยการใช้หุ่นยนต์อยู่เนืองๆ แต่ทุกๆครั้งที่เมืองนี้เกิดภัยร้ายจากเหล่ากลุ่มก่อการร้าย ก็จะมีกลุ่มหุ่นยนต์กลุ่มหนึ่งที่เรียกขานกันว่า “ผู้กล้าสายด่วน” หรือ Brave Express ภายใต้การนำของเด็กหนุ่มวัยเพียง 15 ปี “เซนปูจิ ไมโตะ” เด็กหนุ่มหัวดี หน้าตาหล่อเหลา และมีดีกรีเป็นถึงประธานกลุ่มบริษัท “เซนปูจิกรุ๊ป” เข้าต่อกร เขาเป็นผู้นำเหล่าหุ่นผู้กล้า ที่มีระบบแปลงร่างมาจากร่างของรถด่วนชินคันเซ็น ซึ่งถือว่าเป็นพาหนะสำคัญลำดับต้นๆของญี่ปุ่น

เหล่าผู้กล้า ต้องต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายหลายต่อหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเหล่ากลุ่มผู้คลั่งไคล้วัฒนธรรมญี่ปุ่นยุคเอโดะ , สาวไฮโซที่หมายจะยึดครองโลก , กลุ่มนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง และกลุ่มชาวจีนที่หวังจะยึดครองญี่ปุ่น

เหล่าผู้กล้าทั้ง 8 คนมีระบบสมองกล (AI) ที่สามารถคิด และวางแผนการ ตัดสินใจอะไรเองได้ตามอิสระ ส่วนในภายหลังก็ได้เพิ่มสมาชิกในกลุ่มขึ้นมาอีก 2 คน โดยเหล่าผู้กล้านี้ ประกอบไปด้วย ไกน์ , ทีมบอมเบิร์ส ที่สามารถแปลงร่างด้วยระบบทริปเปิ้ลเชนจ์เจอร์ ทีมไดรเวอร์ที่เป็นหุ่นกู้ภัย และไมท์กันเนอร์

ภายหลังนั้น ทีมผู้กล้าก็ได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งมาอีก 1 คนก็คือ “เอซ โจ” ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศัตรู แต่ก็ได้หันมาเข้าพวกกับเหล่าผู้กล้า เพื่อที่จะได้ต่อสู้กับแบล็คนอร์ จอมมารที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังแผนการ คริสมาต์อีฟครั้งสุดท้ายของมวลมนุษยชาติ และนั่นคือเรื่องราวของการต่อสู้ใน “Yuusha Tokkyu Might Gaine”


Concept of the Work

“โลกที่ปราศจากน้ำมัน” นี่คือคอนเซ็ปต์ที่ทีมงาน ต้องการจะสื่อออกมาในยูฉะซีรี่ย์เรื่องนี้ โดยจริงๆแล้ว โปรดิวเซอร์คัตซึโยชิ ยาตาเบะ ได้พยายามอิงประวัติศาสตร์ในช่วงปีโชวะของญี่ปุ่น ซึ่งยุคนั้น ญี่ปุ่นขาดแคลนทรัพยากรน้ำมันอย่างหนัก ญี่ปุ่นเลยหันมาพึ่งทรัพยากรไฟฟ้ามากขึ้น โดยใช้ระบบเครื่องปั่นไฟ เครื่องกล ECO และระบบไฟฟ้าที่มากขึ้น จึงทำให้เป็นผลงานที่อิงความเป็นจริงได้ค่อนข้างมากว่าทำไมเหล่าหุ่นยนต์ใน เรื่องนี้ จึงสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างสบายๆ ไม่มีเหน็ดเหนื่อยหรือมีให้เห็นการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งนั่นก็เพราะ พวกเขาเดินเครื่องด้วยระบบไฟฟ้า และแบตเตอร์รี่นั่นเอง แต่ก็มีการใช้น้ำมันแค่น้ำมันหล่อลื่นตามเกียร์และข้อต่อต่างๆ ดังนั้น ถ้าเราเห็นฉากที่พวกเขาถูกยิงหรือทำอะไรจนร่างกายเสียหาย เราก็เปรียบว่า น้ำมันหล่อลื่นพวกนั้น ก็คือ “เลือด” ของเหล่าผู้กล้าที่เหมือนมนุษย์มากขึ้นนั่นเอง

ในตัวเรื่อง จะเห็นได้ว่า เราวางแพลนให้เมืองนีโอโตเกียวซิตี้ มีระบบเส้นทางเดินรถด่วนอยู่ทั่วเมือง และค่อนข้างทำให้เป็นมาตรฐาน คือฝังรางลงไว้ใต้พื้นถนน ซึ่งเห็นได้ชัดว่า มีประเทศต่างๆลองใช้วิธีการก่อสร้างทางรถไฟแบบนี้เหมือนกัน ในเรื่อง เราได้ลองใส่ชีวิตความเป็นอยู่ของตัวละครตัวหนึ่งซึ่งเป็นนางเอกของเรื่อง คือ “แซลลี่” ที่ต้องใช้ชีวิตแบบค่อนข้างยากจน และต้องทำงานพิเศษเพื่อแลกกับเงินค่าจ้างเพื่อนำไปซื้อพวกแบตเตอร์รี่ หรือจ่ายค่าไฟฟ้า จะเห็นได้ว่า เรื่องนี้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรไฟฟ้ามากจริงๆ อีกทั้ง ตัวละครในเรื่อง ส่วนใหญ่ จะอิงต้นแบบมาจากบุคคลที่มีชื่อเสียงที่มีตัวตนอยู่จริง

ตัวละครฝ่ายศัตรูในเรื่องก็เช่นกัน ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่เพื่อการขโมยเงินตามธนาคารแล้ว พวกเขาก็ต้องการจะทำลายโรงงานต่างๆเพื่อที่จะดูดเอาพลังงานไฟฟ้าไปกักตุนไว้ เอง ยิ่งเป็นข้อตอกย้ำเข้าไปว่า ไฟฟ้านี่สำคัญต่อชีวิตประจำวันมากๆ



Style of Work

จากยูฉะซีรี่ย์เรื่องก่อนหน้านี้คือ “Densetsu no Yuusha Da-Garn” ได้เน้นเรื่องราวของการต่อสู้ระหว่างฝ่ายผู้กล้ากับฝ่ายศัตรูมากเกินไปจนแทบ ไม่ค่อยเห็นการใช้ชีวิตตามแบบที่มนุษย์ควรจะมีของพวกตัวละครฝ่ายมนุษย์ ในไมท์ไกน์ จึงเน้นการดำเนินเรื่องให้ผสมผสานทั้งเรื่อง การเพิ่มอายุให้ตัวละครดูมีวุฒิภาวะมากขึ้น เพิ่มเหตุการณ์ที่พระเอก-นางเอก หรือคนอื่นๆ มีช่วงเวลาในฉาก “เลิฟซีน” มากยิ่งขึ้น

และที่สำคัญก็คือ ผู้กล้าในซีรี่ย์ เป็นหุ่นผู้กล้าเรื่องแรกเลยทีเดียว ที่มีเกิดจากการสร้างโดยมนุษย์ และติดตั้งระบบ AI ที่ทำให้เหล่าผู้กล้าสามารถเคลื่อนไหวเอง คิดเอง ตัดสินใจเอง เรียกได้ว่ามีอิสระมากขึ้น ทำให้ดูราวกับว่า พวกเขาเข้าใกล้กับคำว่า “เหมือนมนุษย์” มากเข้าไปทุกที ต่างจาก 3 เรื่องก่อนหน้านี้ ที่อาศัยพลังงานจากบนโลก หรือจากต่างดาวมาสิงยานพาหนะ ซึ่งแนวคิดนี้ ได้ถูกนำไปใช้อีกครั้ง ในซีรี่ย์ยูฉะเรื่องต่อๆไปก็คือ J-Decker และ GaoGaiGar นั่นเอง

Posted Image

ทีมงานได้ตัดสินใจเปลี่ยนบทสรุปของการต่อสู้แต่ละตอนตรงจุดที่ เมื่อเหล่าผู้กล้าสามารถสังหารหุ่นของฝ่ายสัตรูจนพินาศได้ ถ้าไม่นักบินที่ขับหุ่นฝ่ายศัตรู เสียชีวิตเพราะเครื่องยนต์ระเบิด ก็คือ เป็นหัวหน้าเหล่าศัตรูมาบังคับเองแล้วพอหุ่นของตัวเองระเบิด ก็อาศัยยานเล็กหนีไปแทบทุกตอน กลับกลายเป็นว่า ในซีรี่ย์ไมท์ไกน์ ได้เปลี่ยนเป็น เมื่อหุ่นศัตรูถูกทำลาย นักบินหุ่นจะถูกตำรวจประจำเมือง เข้าจับกุมทันที เมื่อสามารถนำตัวออกมาจากค็อกพิทได้

Main Characters

ฝ่ายตัวเอก


Posted Image
SENPUHJI MAITO (พากษ์โดย Nobuyuki Hiyama)
อายุ : 15 ปี
วันเกิด : 24 สิงหาคม ปีโชวะที่ 109
ราศี : กันย์
ส่วนสูง : 160 ซม.
น้ำหนัก : 50.0 กก.
เลือดกรุ๊ป : O

ตัวเอกของเรื่อง ทายาทเศรษฐีพันล้าน เป็นประธานกลุ่มบริษัท “เซนปูจิกรุ๊ป” และหัวหน้าทีม “ผู้กล้าสายด่วน” เรียนอยู่ชั้น ม.ต้น หัวดีเกินอายุขนาดที่ว่า ถอดเลขค่าสมการยาวเป็นบรรทัดออกภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที โดยที่ไม่ต้องทดเลขบนกระดาษ เก่งกีฬาทุกประเภท ทั้งเบสบอล สกี หน้าตาหล่อเหลา เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ เขาเป็นคนสุขุม และรักพวกพ้องมาก มีความกล้าหาญและรักความยุติธรรม และมีนิสัยขี้อายนิดๆ ไม่ยอมเปิดเผยตัวเองให้สาธารณะชนรู้ว่า ตัวเขาเองก็คือ นักบินผู้บังคับไมท์ไกน์ พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุไปเมื่อ 3 ปีก่อน และได้ทิ้ง ”Brave Express Project” ไว้ให้ไมโตะสานต่อ เพื่อปกป้องเมืองนีโอโตเกียวซิตี้ไว้ ไมโตะนั้น นับถือและยกให้พ่อของเขาเป็นวีรบุรุษของเขาเลยทีเดียว ยามว่างหลังจากเรียนหรือเซ็นเอกสารต่างๆให้กับบริษัท เขามักจะนำ “ไมท์วิงค์” ออกบินลาดตระเวรตรวจตราความสงบในเมืองอยู่เสมอ

ปกติจะใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์ หลังใหญ่ ที่ก่อสร้างอยู่บนแหลมที่ยื่นออกจากชายฝั่งตัวเมืองนีโอฯ โดยมีพ่อบ้านที่คอยดูแลเขามาแต่เด็กๆคือ อาโอกิ และเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขาที่มักจะมาช่วยงานในด้านการซ่อมบำรุงและออกแบบ หุ่นยนต์ให้กับทีมผู้กล้า อย่าง ฮามาดะ

ในช่วงที่หุ่นยนต์ของ โวล์ฟกัง ได้ออกโจมตีเมือง ไมโตะได้พบกับแซลลี่ สาวน้อยชั้น ม.ต้น ที่พบกันโดยบังเอิญในขณะที่กำลังช่วยย้ายผู้อพยพ หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็มักจะพบกันเป็นประจำจนเริ่มมีใจให้กันและกัน โดยไมโตะมักจะไปเจอแซลลี่ทำงานพิเศษที่ต่างๆเป็นประจำ และในตอนอวสาน ก็เป็นแซลลี่นี่เองที่ส่งกระแสพลังจิตที่ทำให้พลังอำนาจของแบล็คนอร์เสื่อม ลง จนทำให้ไมโตะและไมท์ไกน์ เอาชนะได้อย่างสวยงาม และท้ายที่สุด ไมโตะกับแซลลี่ ก็ได้แต่งงานกัน

Posted Image

เวลาที่ไมโตะจะเรียกผู้กล้าออกมาช่วย หรือเรียกโลโคโมไรเซอร์ เขาจะกดสวิตช์ที่อุปกรณ์สื่อสารที่ข้อมือซ้าย ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้ สามารถเป้นแกนกลางในการยืนยันคำสั่งประกอบร่างของเหล่าผู้กล้าทุกคนได้




Posted Image
YOSHINAGA SALLY (พากษ์โดย Akiko Yajima)
อายุ : 14 ปี
วันเกิด : 9 สิงหาคม ปีโชวะที่ 110
ราศี : สิงห์
ส่วนสูง : 154 ซม.
น้ำหนัก : 48 กก.
เลือดกรุ๊ป : A
นางเอกของเรื่อง จัดว่าเป็นตัวละครที่โมเอะที่สุดในบรรดานางเอกจากยูฉะซีรี่ย์ เป็นสาวน้อยที่สู้ชีวิต ทำงานพิเศษสารพัดหลังเลิกเรียน เพื่อนำมาจ่ายค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าเรียนน้องชาย และค่ารักษาพยาบาลของคุณพ่อที่ป่วยอยู่ ทำงานหนักตั้งแต่ สาวเสิร์ฟ , สาวใช้ , พนักงานทำทาโกยากิ หรือพนักงานในไมท์สเตชั่นก็เคยทำมาหมดแล้ว เธอได้พบกับไมโตะครั้งแรกในช่วงที่ หุ่นของโวล์ฟกัง โจมตีโรงงานและเธอโดนลูกหลง หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้พบกับไมโตะบ่อยๆ จนเริ่มแอบหลงรัก โดยเธอเป็นประชาชนเพียงคนเดียวที่รู้ความลับว่า ไมโตะนั้นคือ นักบินไมท์ไกน์
แซลลี่ เคยมีโอกาสได้พูดคุยกับ โจ ที่เป็นคู่แข่งกับไมโตะ เลยกล่อมจนโจ ยอมแปรพักตร์มาช่วยไมโตะต่อสู้ อีกทั้ง เธอยังมีโอกาสได้เปิดฟลอร์เต้นรำกับไมโตะเป็นคู่แรกในคืนวันคริสต์มาสอีฟ ที่เซนปูจิกรุ๊ปด้วย แต่หลังจากนั้น หน่วยหุ่นยนต์ที่อาศัยพลังงานในการฟื้นฟูตัวเองของแบล็คนอร์ ก็ออกโจมตีทั่วทุกมุมโลก
แซลลี่ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองมีพลังจิตในระดับขั้นสูงที่เรียกว่า “กระแสพลังจิตแห่งธรรมชาติ” หรือ Innocense Wave ที่สามารถสลายพลังในการฟื้นฟูตัวเองของหุ่นปิศาจของแบล็คนอร์ โดยพลังของเธอ ปรากฏขึ้นครั้งแรกในตอนที่ไปเดทกับไมโตะ แล้วเกรทไมท์ไกน์พลาดท่าถูกแทงทะลุจนบาดเจ็บสาหัส แต่แล้วก็ได้พลังของเธอที่ตื่นขึ้นด้วยความบังเอิญ ทำให้เกรทไมท์ไกน์ ที่ตอนแรกฟันศัตรูไม่เข้า สามารถโค่นศัตรูลงได้แบบไม่น่าเชื่อ และท้ายที่สุด แบล็คนอร์ก็สิ้นพลังด้วยคลื่นกระแสพลังจิตของเธอ
ภายหลัง แซลลี่ได้แต่งงานกับไมโตะ ในตอนสุดท้ายของเรื่อง ด้านชีวิตครอบครัว เธอมีน้องชายคนหนึ่งชื่อเท็ตซึยะ


Posted Image

HAMADA MITSUHIKO (พากษ์โดย Kikuchi Masami)
อายุ : 15 ปี
วันเกิด : 10 สิงหาคม ปีโชวะที่ 109
ราศี : สิงห์
ส่วนสูง : 158 ซม.
น้ำหนัก : 60.0 กก.
เลือดกรุ๊ป : B

เพื่อนร่วมชั้นเรียนของไมโตะ ถือว่าเป็นวิศวกรดาวรุ่งของเรื่อง โดยผลานงานเอกของเขา ก็คือฮามาดะเป็นผู้ที่ดีไซน์หุ่นผู้กล้าทีม “บอมเบอร์ส” ไม่ เพียงแค่นั้น เขายังเป็นผู้ปรับปรุงให้บอมเบอร์สทั้ง 3 คนสามารถแปลงร่างเป็นโหมดหุ่นสัตว์ได้อีกด้วย อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหัวหน้าวิศวกรของไมท์สเตชั่น จิโร่ โอซากะ อีกด้วย

หุ่นยนต์ทุกๆตัวในไมท์สเตชั่น ฮามาดะมีส่วนในการเขียนโปรแกรม และออกแบบเองแทบทุกตัว งานอดิเรกของฮามาดะคือ การวาด Manga (การ์ตูน) และมีความฝันจะเป็นนักเขียนการ์ตูนและวิศวกร

ฮามาดะเคยมีโอกาสได้ขึ้นบังคับเกรทไมท์ไกน์ด้วยครั้งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในตอนที่ ฮามาดะจะนำต้นฉบับการ์ตูนที่วาดเสนอสำนักพิมพ์ แต่ระหว่างเดินทาง ได้มีหุ่นศัตรูออกมาโจมตีเมือง ไมไคเซอร์ กับไมท์ไกน์ พลาดท่าถูกโจมตีจนไมท์ไกน์ขยับร่างกายไม่ได้ ส่วนไมโตะหมดสติคาห้องนักบิน และในเวลานั้นเอง ผลจากการระเบิดของบางพื้นที่ในรัศมีการต่อสู้ ทำให้เกิดเปลวเพลิง ต้นฉบับที่ใส่ไว้ในซองของฮามาดะ ปลิวหายไปในกองไฟเมื่อมีลมพัดแรง ฮามาดะที่โกรธสุดขีด เลยเข้าไปช่วยไมโตะ ออกมานอกห้องนักบิน ส่วนตัวเขาก็ได้ขึ้นขับไมท์ไคเซอร์แทน แต่เนื่องจาก ฮามาดะ ไม่มีทักษะและประสบการณ์ในการบังคับหุ่นมาก่อน จึงกลับกลายเป็นฝ่ายถูกฝ่ายตรงข้ามถลุงอยู่ฝ่ายเดียว ไมโตะที่ได้สติจึงบังคับให้ไมท์ไกน์ลุกขึ้นและเข้าช่วย และก็ได้ประกอบร่างเป็นเกรทไมท์ไกน์ ซึ่งไมโตะ กับ ฮามาดะ ได้เข้าร่วมบังคับเกรทไมท์ไกน์ด้วยกัน เอาชนะคู่แข่งได้อย่างสวยงาม

ในด้านความรัก ฮามาดะเคยแอบกุ๊กกิ๊กกับอดีตสปายของกลุ่มโชกุนมิฟูเนะ ที่ชื่อว่า “รูน่า” แม้ภายหลัง จะดูเหมือนรูน่าตายเพราะยอมเอาหุ่นผีเสื้อเข้ามาขวางการโจมตีของหุ่นอีกตัว หนึ่ง เพื่อป้องกันเกรทไมท์ไกน์ แต่รูน่าก็รอดชีวิตมาได้ และได้มาร่วมงานแต่งงานของไมโตะกับแซลลี่ในตอนอวสาน พร้อมๆกับฮามาดะด้วย


Posted Image
MATSUBARA IZUMI (พากษ์โดย Amano Yuri)
อายุ : 22 ปี
วันเกิด : 30 กันยายน ปีโชวะที่ 102
ราศี : ตุลย์
ส่วนสูง : 166 ซม.
น้ำหนัก : 52 กก.
เลือดกรุ๊ป :AB
เลขาส่วนตัวหุ่นสุดเซ็กซี่ของไมโตะ ขยันขันแข็ง รักไมโตะเหมือนกับเป็นน้องชายแท้ๆ ในแต่ละวัน เธอมักจะวุ่นวายกับการเตรียมเอกสารให้ไมโตะเซ็น และติดตามไมโตะเวลาไปดูงานนอกสถานที่ หลายครั้งก็แอบทำตัวเซ็กซี่ ในตอนที่ 5 อิซุมิเคยแสดงความกล้าหาญในการลงไปกดสวิตช์ที่ควบคุมรถด่วน “อีเกิ้ล หมายเลข 5” ที่กลุ่มศัตรูได้แอบติดตั้งไว้ใต้โบกี้ เพื่อให้รถด่วนขบวนดังกล่าววิ่งจนไม่สามารถเบรกได้จนทำให้รถด่วนอีเกิ้ลหมาย เลข 5 สามารถเบรกได้ก่อนที่จะตกเหว
ด้านชีวิตความเป็นอยู่ ปกติจะอาศัยอยู่ในแมนชั่นพร้อมสัตว์เลี้ยงประเภท อิกัวน่าชื่อ โตชิคิ ส่วนชีวิตในครอบครัว เธอมีพี่ชายและพี่สาวที่ทำงานเป็นข้าราชการชั้นสูงอยู่อีก 2 คน


Posted Image
KEICHIRO AOKI (พากษ์โดย Kazuhiko Kishino)
อายุ : 50 ปี
วันเกิด : 21 เมษายน ปีโชวะที่ 74
ราศี : พฤษภ
ส่วนสูง : 182 ซม.
น้ำหนัก : 78 กก.
เลือดกรุ๊ป :A

พ่อบ้านผู้ดูแลไมโตะมาตั้งแต่ยังแบเบาะ ทำหน้าที่เป็นทั้งที่ปรึกษา และพ่อบ้านไปในคราวเดียวกัน มีความสุขุมนุ่มลึก ห่วงไมโตะราวกับเป็นลูกชายแท้ๆ พนักงานในบริษัท จะให้ความเคารพพ่อบ้านอาโอกิเสมอ เพราะถือเป็นคนเก่าคนแก่ มาตั้งแต่ประธานบริษัทรุ่นก่อน (พ่อของไมโตะ) บางครั้งก็มีนิสัยแปลกๆคือ ชอบพูดจาวกวน หรือ ยิ้มแบบพิลึกๆจนคนรอบข้างรู้สึกมึนๆไปด้วย

Posted Image
SENPUHJI YUUJIRO (พากษ์โดย Sawa Ritsuo)
วันเกิด : 3 ธันวาคม ค.ศ.1961
ราศี : มังกร
ส่วนสูง : 160 ซม.
น้ำหนัก : 50.0 กก.


คุณปู่ของไมโตะ จัดว่าเป็นคนแก่ขี้เหงาคนหนึ่งของซีรี่ย์นี้ ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง แต่รักและโอ๋หลานชายอย่างไมโตะมาก ซึ่งหลังจากพ่อของไมโตะเสียชีวิต แกก็คอยดูแลไมโตะอยู่ห่างๆ สนิทสนมกับอาโอกิ เพราะเคยทำงานอยู่ด้วยกัน ของโปรดของปู่จอมซ่าส์รายนี้คือ ถั่วหมัก (นัตโตะ) ออกอาการปลื้มแซลลี่จนออกนอกหน้า และอยากได้มาเป็นหลานสะใภ้
ตอนสมัยหนุ่ม ยูจิโร่ ค่อนข้างเป็นคนห้าว เล่นเบสบอล กับ สกีเก่ง แต่ก็เพราะความรู้ของแก ที่บุกเบิกงานจนทำให้บริษัทเซนปูจิกรุ๊ปเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น เวลาที่แกมาเยี่ยมเยียนบริษัท พนักงานทุกคนจึงให้ความเคารพแกอย่างมาก แม้ว่าแกจะสร้างปัญหาให้ทุกคนปวดหัวเป็นประจำ
วีรกรรมป่วนๆที่มักจะเห็นจากยูจิโร่ก็คือ การแอบขึ้นไมท์วิงก์ แล้วแย่งไมโตะบังคับ , ยอมถูกแคทเธอลีนจับตัวไป เพื่อจะได้กินถั่วหมัก , ชอบแอบอ้างว่ามีงานวันเกิดของตัวเอง เลยเชิญพวกลูกหลานคนสนิทมาร่วมงาน (ทั้งๆที่ไม่ได้ตรงกับวันเกิดแกจริงๆ อาจจะเพราะขี้เหงา) , ดึงไมโตะไปพักร้อนโดยไม่คำนึงถึงงานที่บริษัท

Posted Image
JIRO OSAKA (พากษ์โดย Naoki Makishima)
หัวหน้าวิศวกรประจำไมท์สเตชั่น ที่อุทิศตัวเองเพื่อการซ่อมบำรุงหุ่นยนต์ทุกตัวในบริษัท อีกทั้งยังเป็นคนออกแบบรถไฟชนิดต่างๆที่วิ่งอยู่ในนีโอโตเกียวซิตี้อีกด้วย เคยรับโวล์ฟกังเข้าทำงานในบริษัท และก็มีส่วนในการปลุกจิตใต้สำนึกให้หนักแน่นในหน้าที่การงานให้กับโวล์ฟกัง
ตอนสมัยหนุ่มๆ เคยเป็นคนไม่กล้าสู้คน แต่มีรุ่นพี่คนหนึ่งในโรงงานรถจักร ที่คอยออกหน้าให้ตลอด มีปากเสียงกับเจ้านายแทนจนโดนไล่ออก โอซากะเลยพยายามเข้มแข็ง และตั้งใจจะสานฝันของรุ่นพี่คนนั้นไว้ตลอดมา

Posted Image
SENPUUJI ASASHI (พากษ์โดย Taku Takemura)
พ่อผู้ล่วงลับของไมโตะ เป็นผู้เริ่มต้นตั้งโครงการ “ผู้กล้าสายด่วน” ในสมัยหนุ่มนั้น เคยเดินทางไปต่อสู้กับพวกคนพาลด้วยกีตาร์ที่พกพอติดตัวไว้ตลอด เลยได้ฉายา “พญาปักษาเร่ร่อน” มีความประสงค์จะทำลายความชั่วร้ายในโลกให้หมดสิ้น เลยสร้างโปรเจ็คต์ผู้กล้าสายด่วนขึ้นมานั่นเอง ไม่ถูกกับพ่อ (ยูจิโร่) อย่างรุนแรงเพราะ ยูจิโร่ คัดค้านการแต่งงานระหว่างเขากับยูริโกะตอนแรกนั้น อาซาชิ ตั้งใจจะนำเหล่าผู้กล้าบุกลุยเดี่ยวไปต่อสู้กับแล็คนอร์ด้วยตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่า ทั้งเขาและยูริโกะ ผู้เป็นภรรยา กลับถูกลอบสังหาร โดยกลุ่มของแบล็คนอร์ที่เวลานั้น ยังไม่เปิดเผยตัวจริงออกมา และพวกมันได้สร้างภาพเหมือนว่า ทั้งคู่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ


Posted Image
SENPUUJI YURIKO
ภรรยาของอาซาชิ เป็นแม่ของไมโตะ เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหาร พร้อมกับอาซาชิ ไม่ลงรอยกับยูจิโร่ เพราะกีดกันเธอไม่ให้รักกับอาซาชิ

Posted Image
CHARLIE
เกิดวันที่ : 9 กรกฎาคม ปีโชวะที่ 109
อายุ : 15 ปี
สุนัขของไมโตะ โตมาพร้อมๆกัน ตัวใหญ่กินจุ แต่เชื่องช้า เพราะอายุมากแล้ว วันๆไม่ทำอะไร นอกจากเห่าเสียงดัง กิน แล้วก็นอน แค่นั้น

Posted Image
YOSHINAGA TETSUYA (พากษ์โดย Amano Yuri)
น้องชายของแซลลี่ เรียนอยู่ชั้นประถม เป็นเด็กที่คลั่งไคล้ไมท์ไกน์มาก


Posted Image
SHOUICHIRO OZAWA (พากษ์โดย Hirohiko Kakegawa)
นายตำรวจประจำเมืองนีโอ โตเกียวซิตี้ มักจะปรากฏตัวพร้อมวลี “ข้าคือตำรวจอันดับ 1 แห่งนีโอโตเกียวซิตี้” แต่มักจะตกเป็นฝ่ายโดนวิ่งไล่กวดจนหนีแทบไม่ทันจากหุ่นของศัตรู (คล้ายๆเนโมโตะจาก ดาการ์น) ให้ความร่วมมือกับทีมผู้กล้าในการปฏิบัติภารกิจกู้ภัยหลายครั้ง แต่เคยมีวีรกรรมที่เกือบต้องเอาหน้าที่การงานมาทิ้ง เพราะได้ไปออกโทรทัศน์ ในรายการพิเศษเจาะสกู๊ปผู้กล้าสายด่วน และมีเรื่องกับแขกรับเชิญในรายการคือ ดร.ฮามาชิโร่ ซึ่งตีกันเพราะเรื่องหน้าที่การงานของตำรวจในปัจจุบัน (ไมโตะต้องเป็นคนแยกมวยคู่นี้ด้วย เพราะมาออกรายการเหมือนกัน)
ในตอนอวสาน เขาก็ยังคงวิ่งไล่จับโชกุนมิฟุเนะที่แหกคุกออกมาไปเรื่อยๆ

Posted Image

RAIBARU JOE (พากษ์โดย Midorikawa Hikaru)
อายุ : 18 ปี
วันเกิด : 4 พฤศจิกายน ปีโชวะที่ 107
ส่วนสูง : 178 ซม.
น้ำหนัก : 65 กก.
เลือดกรุ๊ป : AB
นักล่า ที่อาศัยการรับจ้างไปทั่วพื้นที่ มีฝีมือในการใช้อาวุธ และการสอดแนม รวมทั้ง ทักษะการขับหุ่นยนต์ในระดับโปร มีฉายาว่า “เอซ โจ”
ช่วงแรก โจได้รับการว่าจ้างให้ขับหุ่นยนต์ทหารเข้าต่อสู้กับไมท์ไกน์ แต่ก็พ่ายแพ้ แต่ได้กลับมาต่อสู้กับไมท์ไกน์อีกครั้ง โดยคราวนี้ เขาได้รับหุ่นยนต์ที่มีทักษะในการบิน และการต่อสู้ในระดับสูงชื่อว่า “ฮิริว” มาใช้แทน ซึ่งเล่นงานไมท์ไกน์จนแทบแย่ ครั้งหนึ่ง โจมีโอกาสได้ประมือกับ ไทรบอมเบอร์ส ซึ่งเขาก็เล่นงานไทรบอมเบอร์สจนร่างกายเสียหายอย่างหนัก เพื่อที่จะได้เข้าไปต่อสู้กับไมโตะ กับไมท์ไกน์ แต่ด้วยลูกอึดของไทรบอมเบอร์ส ที่ร่างกายพังยับเยินแล้ว แต่ก็ไม่ยอมปล่อยโจไป ทำให้โจรู้สึกชื่นชมในตัวไทรบอมเบอร์ส ที่รักเพื่อนจนไม่กลัวตาย แถมยังหลุดปากออกมาอีกว่า “ไมโตะ นายนี่โชคดีนะที่มีเพื่อนดีแบบไทรบอมเบอร์ส” สุดท้าย โจก็เลิกสู้กับไทรบอมเบอร์สและยอมจากไป
โจคือชายคนแรกที่สามารถทำลายไมท์ไกน์จนพิงไม่มีชิ้นดี แต่เขากับฮิริว ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับหุ่นผู้กล้าคนใหม่ที่อาศัยการบังคับของไมโตะ โดยไม่มี AI ก็คือ ไมท์ไคเซอร์ จนฮิริวระเบิดเป็นชิ้นๆ แต่เขาก็ได้รับการช่วยเหลือจาก มิสเตอร์เอ็กซ์เซฟ เพื่อที่จะได้แก้แค้นไมท์ไกน์ เขาจึงได้หุ่นยนต์ตัวใหม่ที่มีพลังในการต่อสู้ และการบินที่สูงกว่าฮิริว นั่นก็คือ “โกริว” มาใช้แทน แต่ในช่วงหลังนั้น โจได้รู้ความจริงเกี่ยวกับ ด็อกเตอร์ชิชิโด้ พ่อของเขาจากโวล์ฟกังว่า ด็อกเตอร์ชิชิโด้ ถูกเอ็กซ์เซฟ ฆ่าตาย ซึ่งตอนนั้น โจยังเด็กมาก โจรู้ตัวว่าโดนหลอกใช้ จึงหันมาช่วยไมโตะ และคอยสืบข่าว นำเรื่องราวในองค์กรของพวกเอ็กซ์เซฟมาให้ไมโตะได้รับรู้เสมอ และก็เป็นโจนี่เอง ที่ฆ่าเอ็กซ์เซฟตาย เหตุการณ์ดูเหมือนว่าโจจะเสียชีวิต แต่ในฉากสุดท้าย โจก็แอบมางานแต่งงานของไมโตะกับแซลลี่ โดนแอบยืนยิ้มให้อยู่ใต้ต้นไม้



ฝ่ายศัตรู

Posted Image
WOLFGANG (พากษ์โดย Shoji Sato)
อายุ : ไม่ปรากฏ
วันเกิด : 4 พฤษภาคม ไม่ปรากฏปีเกิด
ส่วนสูง : 160 ซม.
น้ำหนัก : 61 กก.
เลือดกรุ๊ป : AB

นักวิทยาศาสตร์สัญชาติเยอรมัน ถือว่าเป็นคู่ต่อกรกับไมท์ไกน์กลุ่มแรกๆ รักลูกน้องมาก โดยในตอนต้นเรื่องนั้น เขามีลูกน้องในสังกัดมากมาย ช่วยกันสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมา แต่หลังจากพ่ายแพ้ไมท์ไกน์บ่อยครั้ง บรรดาลูกน้องก็ค่อยๆลาออก หายหน้าหายตาไปทีละคน ช่วงที่ตกงานจนไม่มีเงินเก็บ เคยมาสมัครงานเป็นช่างเทคนิกที่โรงงานหัวรถจักรของไมโตะ และได้รับแรงบันดาลใจจากหัวหน้าโอซากะ ให้สู้ชีวิตต่อไป โวล์ฟกังเคยได้ข้าวกล่องฟรีจากแซลลี่ จนรู้สึกดีกับแซลลี่ไปด้วย
โวล์ฟกังจัดว่าเป็นตัวละครที่มีบทบาทกับเรื่องเยอะตั้งแต่ตอนต้นจนถึงตอนสุด ท้าย เหตุการณ์สำคัญที่โวล์ฟกังเคยสร้างความประทับใจผู้คนมากมายก็คือ ตอนที่พยายามช่วยผู้โดยสารจากอุบัติเหตุรถด่วนกำลังจะโดนดินถล่ม หรือ ตอนที่เขาได้รู้จักกับ “ยูลิซ” นักฆ่าในตำนานที่มีชีวิตยืนยาว มาเป็น 100 ปี เพราะดัดแปลงตัวเองเป็นคนครึ่งหุ่นยนต์ โดยเขาได้บอกยูลิซว่า “มนุษย์ก็คือมนุษย์ เครื่องจักรก็คือเครื่องจักร ไม่สามารถมาแทนที่กันได้” และตอนที่เตือนสติโจว่า ศัตรูที่แท้จริง ไม่ใช่ไมท์ไกน์ แต่เป็นเอ็กซ์เซฟ ที่ฆ่าพ่อของโจต่างหาก
และท้ายสุดก็คือ ได้ช่วยประดิษฐ์เครื่องกระตุ้น “พลังกระแสจิตแห่งธรรมชาติ” หรือ “อินโนเซนส์ เวฟ”โดยฝาก อิชฮิ , ริเบียร์ , ดิชฮิ 3 ลูกน้องคนสนิท นำมาให้พวกไมโตะ ส่วนเจ้าตัวบาดเจ็บจากการโดนเอ็กซ์เซฟยิง แต่ก็รอดมาได้
ผลงานเด่นๆของเจ้าตัวก็คือ เป็นคนออกแบบและสร้าง “ฮิริว” กับ “โกริว” 2 สุดยอดหุ่นรบให้กับโจ

Posted Image
IHHI , RIEBER , DIHHI (พากษ์โดย Yasuhiko Kawazu , Katsumi Suzuki , K.Kamashima ตามลำดับ)
3 ลูกน้องคนสนิทของโวล์ฟกัง ในภาษาเยอรมัน ชื่อของทั้งสามคน แปลว่า “ฉันรักเธอ” โดยอิชฮิ จะเป็นคนตัวเล็กสุด ส่วน ริเบียร์ จะตัวใหญ่และอ้วนสุด ส่วนดิชฮิ จะเป็นคนตัวสูงผอม

Posted Image

SHOUGUN MIFUNE (พากษ์โดย Koyoyuki Yanada)

อายุ : ไม่ปรากฏ
วันเกิด : 19 ตุลาคม ไม่ปรากฏปีเกิด
ส่วนสูง : 183ซม.
น้ำหนัก : 80 กก.
เลือดกรุ๊ป : O

เป็นชาวอเมริกันที่คลั่งไคล้วัฒนธรรมญี่ปุ่นโบราณเข้าขั้นบ้า เปิดสวนสนุก “เอโดะแลนด์” เป็นฉากบังหน้า โดยอาศัยกองพลทหารเงา ซึ่งเป็นกลุ่มนินจา เพื่อจะโค่นล้มรัฐบาลญี่ปุ่น มีความฝันที่จะเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมและการปกครอง ชีวิตความเป็นอยู่ในตอนนี้ของญี่ปุ่น ให้กลับไปเหมือนตอนสมัยยุคเอโดะ เคยประมือกับไมท์ไกน์หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็แพ้ทุกครั้งไป ส่วนใหญ่นั้น โชกุนมิฟุเนะ ไม่ค่อยจะออกมาบังคับหุ่นยนต์สู้เองเหมือนหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายกลุ่มอื่น แต่ชอบว่าจ้างพวกนักสู้ที่มีฝีมือในการต่อสู้แบบประชิดตัวหรือใช้วิชาฟันดาบ เก่งๆ มาขับแทนมากกว่า ซึ่งหุ่นยนต์ที่กลุ่มโชกุนมิฟุเนะสร้างนั้น ระบบการบังคับ จะเป็นการควบคุมแบบที่ว่า ถ้านักบินขยับอวัยวะส่วนไหน หุ่นก็ก็ขยับตาม (เหมือนเรื่อง G-Gundam) จึงเหมาะในการบังคับเพื่อสู้ด้วยดาบหรือสู้กันในระยะประชิดตัวอย่างมาก

ช่วงหลังมานั้น โชกุนมิฟูเนะ หายตัวไปจากเรื่องช่วงครึ่งหลัง เพราะ ไปเจอแผนที่ขุดหาขุมทรัพย์ตามี่ลูกน้องนำมาให้ โดยยกพลไปขุดพาขุมทรัพย์ดังกล่าวเพื่อจะเ)นเงินทุนไว้สร้างหุ่นยนต์กับ ฟื้นฟูยุคเอโดะให้กลับมาอีกครั้ง แต่ช่วงระหว่างกำลังขุดนั้น โดนนายตำรวจโอซาวะจับเข้าซังเตซะก่อน ซึ่งตอนท้ายเรื่อง เขาก็แหกคุกออกมาได้ และวิ่งหนีการไล่จับของโอซาวะต่อไป

Posted Image
BUTTER FLY (พากษ์โดย Chieko Honda)
ปรากฏตัวในตอนที่ 37 เป็นสปายของโชกุนมิฟุเนะ ที่ส่งไปสืบหาข้อมูลของไมท์ไกน์ ในโรงงานรถจักรมท์สเตชั่น เธอเปลี่ยนชื่อเป็น “รูน่า” และ ได้ชอบพอกับฮามาดะ จนเกิดเป็นความรัก และได้ทรยศโชกุนมิฟุเนะ ภายหลัง เธอสละตัวเอง นำหุ่นบัตเตอร์ฟลาย เข้าขวางการโจมตีจากนักฆ่าอีกคนหนึ่งที่มิฟุเนะจ้างมา ช่วยให้เกรทไมท์ไกน์ปลอดภัย แต่เธอก็หายสาบสูญไปกับแรงระเบิดของหุ่นทั้งสองตัว

ภายหลัง เธอรอดชีวิตกลับมาและปรากฏตัวมาในตอนอวสาน โดยมาร่วมงานแต่งงานของไมโตะกับแซลลี่

Posted Image
HOIKOUROU (พากษ์โดย Yutaka Shimaka)
อายุ : ไม่ปรากฏ
วันเกิด : 2 กุมภาพันธ์ ปี ไม่ปรากฏ
ส่วนสูง : 150 ซม.
น้ำหนัก : 67 กก.
เลือดกรุ๊ป : O
เจ้าพ่อมาเฟียจากประเทศจีน มีความฝันจะเปลี่ยนเมืองนีโอโตเกียวซิตี้ ให้เป็นเมืองที่มีสไตล์ชีวิตความเป็นอยู่แบบจีน ตัวละครตัวนี้ มีนิสัยเจ้าเล่ห์ ทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ สร้างความแค้นให้กับไมท์ไกน์และไมโตะไว้ จากตอนที่โฮอิ โคโล ได้สร้างหุ่นระบบสมองกลที่สามารถแปลงร่างเป็นรถไฟชินคันเซ็นรูปแบบเดียวกับ ไกน์ได้ โดยใช้ชื่อว่า “แบล็คไกน์” โดยหมายจะให้แบล็คนั้น ทำลายไมท์ไกน์ แต่ผิดพลาด AI ของแบล็คนั้น ไม่ได้ต้องการจะทำลายเมือง แต่กลับไปฝักใฝ่และเข้าพวกกับไมโดะแทน แบล็คไกน์ กับ ไกน์ เลยสนิทกันเหมือนพี่น้อง แต่ท้ายที่สุด โฮอิ ก็ใช้วิธีสกปรก ใช้ควบคุมระบบสมองกล ทำให้แบล็คคลุ้มคลั่ง และหันมาต่อสู้กับไกน์ และประกอบร่างกับ แบล็คไมท์วิงก์ และ แบล็คโลโคโมไรเซอร์ กลายเป็นแบล็คไมท์ไกน์ แต่เขาก็ได้สติคืนมา และสละชีวิตเพื่อปกป้องไมท์ไกน์ ด้วยเหตุนี้เอง ทั้งไมโตะ และไมท์ไกน์ จึงเกลียดตาแป๊ะจากเมืองจีนผู้นี้เข้ากระดูกดำ
ภายหลัง เจ้าตัวรู้สึกปลงตก ที่ไม่สามารถเอาชนะไมท์ไกน์ได้ แถมโดนเพอร์เพิลเทคโอเวอร์บริษัทไป จึงตัดสินใจ หันมาประกอบอาชีพเปิดร้านทำบะหมี่ แต่ฝีมือไม่ได้เรื่อง แต่ก็ได้ แซลลี่มาช่วยทำให้ และมีไมโตะกับฮามาดะ ที่จำหน้าโฮอิโคโลไม่ได้ เลยมาเป็นลูกค้าประจำอีกด้วย เลยเจ้าตัวเริ่มมีไฟอีกครั้ง หันมาประกอบอาชีพสุจริตเช่นนี้จนจบเรื่อง

Posted Image
CHINJARUSU (พากษ์โดย Ryutaro Okiayu)
ลูกน้องของโฮอิ ที่ติดตามมาจากเมืองจีน หลังจากพ่ายแพ้ไมท์ไกน์ และโดนเพอร์เพิลเคโอเวอร์บริษัทไป ก็พยายามเปิดร้านขายบะหมี่ แต่ตอนแรก โฮอิ รู้สึกเบื่อหน่ายเพราะขายไม่ดี และรสชาติที่ลองทำไม่อร่อย ไม่มีคนกิน ชินจารุสุ เลยพยายามฝึกทำ จนได้แซลลี่มาช่วยสอนให้ เลยมีกำลังใจมากขึ้น จนโฮอิ รู้สึกมีไฟในการทำงานอีกครั้ง ทั้งสองจึงช่วยกันทำร้านบะหมี่สูตรเด็ดจนกิจการรุ่งเรื่องในทันที

Posted Image
CATHERINE VUITTON (พากษ์โดย Shoko Kanoki)
อายุ : 29 ปี
วันเกิด : 24 มีนาคม ปี ไม่ปรากฏ
ส่วนสูง : 169 ซม.
น้ำหนัก : 54 กก.
เลือดกรุ๊ป : O

หัวหน้าอาชญากรที่เป็นเพศหญิงเพียงคนเดียวของซีรี่ย์นี้ เป็นคนฝรั่งเศส มีฉายาว่า “พิงค์แคท” เพราะชอบใส่ชุดสีชมพูเป็นประจำ ชอบแต่งตัวเซ็กซี่ มีนิสัยเอาแต่ใจ คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก หลงใหลในความงามของเพชรนิลจินดาทุกประเภท เป็นผู้ที่รู้ความลับว่า ไมโตะ ประธานบริษัทเซนปูจิกรุ๊ปนั้น คือนักบินไมท์ไกน์ จัดว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่มีบทบาทในการออกมาป่วนเมืองมากกว่ากลุ่มอื่นๆ แต่ก็พ่ายแพ้พวกไมโตะไปแทบทุกครั้ง ในช่วงคืนวันคริสต์มาสอีฟ เคยพยายามจะขโมยของในคฤหาสน์เซนปูจิ แต่ถูกจับกุมได้ก่อน
ในตอนอวสาน เธอเลิกเป็นหัวหน้าอาชญากร แล้วหันมาทำงานสุจริตเหมือนคนอื่นๆ โดยมีลูกน้องคนสนิทอย่างออเดรย์อยู่เคียงข้างเสมอ


AUDREY (พากษ์โดย Rio Natsuki)
ลูกน้องของแคทเธอลีน ที่บางครั้งก็สามารถำหน้าที่ผู้นำแทนได้ รูปร่างสูงใหญ่ ลักษณะการแต่งตัวกับทรงผม ดูเหมือนทอมนิดๆ มีนิสัยที่สุขุมเยือกเย็น มักจะทำหน้านิ่งๆ ต่างจากแคทเธอลีนที่ใจร้อน ต้องคอยตามเช็ดตามล้าง หรือคอยรองรับความเอาแต่ใจของแคทเธอลีนมาตลอดแต่ก็ทำงานไม่เคยบ่น จงรักภักดีต่อแคทเธอลีนเยี่ยงชีวิต เป็นผู้นำกลุ่มปฏิบัติการ “ไอรอนเลดี้” ซึ่งเป็นกลุ่มสตรีที่ฝึกการต่อส็มาอย่างดี และมักจะสวมหน้ากากสีชมพูเปิดตาจมูก และปาก ออเดรย์มักจะขึ้นบังคับหุ่นพร้อมกับแคทเธอลีนด้วยเป็นประจำ ในอวสาน ออเดรย์ก็ยังคงตามคอยรับใช้แคทเธอลีนที่หันหลังให้กับการก่อการร้ายแล้วมาทำ งานสุจริตเหมือนเดิม

Posted Image
PURPLE (พากษ์โดย Katsumi Suzuki)
อายุ : 29 ปี
วันเกิด : 28 มกราคม ปีโชวะที่ 104
เลือดกรุ๊ป : AB
ราชาเพลงร็อกที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่จริงๆแล้ว การร้องเพลงเป็นเพียงฉากบังหน้า เพราะเพอร์เพิ่ลถือว่าเป็น รองหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายของเอ็กซ์เซฟเลยทีเดียว ทุกครั้งที่เขาออกคอนเสิร์ต อานุภาพจากการโซโล่เบส หรือการร้องเพลงของเขานั้น สามารถปั่นป่วนระบบ AI ของเหล่าผู้กล้าได้มากเลยทีเดียว
ในซีรี่ย์ เพิร์เพิ่ลแทบไม่ได้โชว์ความสามารถในการขับหุ่นให้เห็น แต่เขามีความสามารถในการวางแผนการรบในระดับสูง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผู้คนต่างเทคะแนนและพูดลือกันว่า เป็นเพอร์เพิ่ลนี่แหละที่เป็นคนขับไมท์ไกน์ ผลงานการโจมตีพวกผู้กล้าให้เสียหายได้ครั้งหนึ่งก็คือ เขาเป็นผู้อนุมัติให้ใช้แผนการใช้หุ่นแฝด “จินไร” กับ “ไรจิน” เป็นตัวแกนกลางในการใช้กระแสไฟฟ้าสกัดกั้นไม่ให้เหล่าผู้กล้าสามารถประกอบร่างได้
ช่วงวันคริสต์มาสอีฟ เพอร์เพิ่ลได้รับเชิญให้ไปเปิดคอนเสิร์ตที่คฤหาสน์เซนปูจิ และครั้งนั้นเอง เพอร์เพิ่ลที่ได้ขึ้นเวทีก็ได้ พูดออกไมค์เป็นนัยๆว่า “ขอให้สนุกกับปาร์ตี้คริสต์มาสอีฟครั้งสุด้ายในชีวิตของพวกคุณทุกคน” แต่แล้ว ตอนนั้นเอง โจก็ได้นำข่าวใหญ่มาบอกไมโตะว่า เพอร์เพิ่ล เป็นลูกน้องของแบล็คนอร์และเอ็ฟซ์เซฟ ซึ่งการประกาศว่าวันนี้จะเป็นคืนคริสต์มาสอีฟครั้งสุดท้ายนั้นหมายถึงว่า พวกมันจะเริ่มต้นแผนการทำลายโลกที่แท้จริง ซึ่งหลังจากนั้น เพอร์เพิ่ลก็ประกาศตัวว่า เป็นลูกน้องเอ็กซ์เซฟ และอยู่ภายใต้การควบคุมของ ราชันย์แห่งความหายนะ แบล็คนอร์ โดยเขานำกองทัพทหารหุ่นยนต์ติดอาวุธหนัก เข้าโจมตีพื้นที่จุดสำคัญของทั่วโลก และยังเป็นผู้ที่สังหาร การ์ดไดรเวอร์ และ แบทเทิ่ลบอมเบอร์สอย่างโหดเหี้ยม แต่ท้ายที่สุด เขาก็โดนเกรทไมท์ไกน์ ใช้เพอร์เฟ็คต์แคนนอน ยิงถล่มจนเสียชีวิตไปพร้อมกับยานบินของเขา
งานอดิเรกของเขาก็คือ การได้อ่านวรรณกรรมของเช็คสเปียร์ สีที่ชอบคือสีชมพู
เพลง Soundtrack ประกอบซีรี่ย์นี้ เป็นเสียงร้องของเพอร์เพิ่ลจำนวน 2 เพลงคือ Scandal กับเพลง Ending Track ที่สองของซีรี่ย์คือ Black Diamond


MONEY JAR (พากษ์โดย Yasuhiko Kawazu)
ผู้จัดการส่วนตัวของเพอร์เพิ่ล ลักษณะคือ ใส่แว่นเด็กเนิร์ด และรูปร่างเตี้ย ในช่วงแรก ตัวเขากับเพอร์เพิ่ล มักจะอาศัยการติดต่อขอซื้อหุ่นยนต์ก่อการร้ายจาก โฮอิ โคโล อยู่ โดยโฮอิ จะส่งพวกบรรดาหุ่นพร้อมนักบินมือสังหารให้เขานำไปใช้ในการสู้กับไมท์ไกน์ แต่ภายหลัง พอโฮอิ เริ่มท้อจากการคิดจะสู้กับไมท์ไกน์ ตาแว่นนี่เลยเทกโอเวอร์บริษัทของโฮอิซะอย่างนั้น แต่บอสใหญ่ของตัวเขาก็คือ เอ็กซ์เซฟนั่นเอง

Posted Image

EXEVE (พากษ์โดย Masashi Suguwara )

1 ในบอร์ดบริหารของบริษัท TR (Treasure Robotech) ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งกับเซนปูจิกรุ๊ป แต่ผลงานในการสร้างสรรค์นั้นต่างกัน โดยบริษัทนี้ เน้นการสร้างหุ่นยนต์ทหารเพื่อไว้ทำสงคราม แบบระบบเผด็จการ เป็นคนที่ว่าจ้าง โจ กับ โวล์ฟกังให้มาทำงานด้วย อีกทั้งยังเป็นผู้ที่คอยบงการเพอร์เพิ่ล โดยรับคำสั่งมาจากแบล็คนอร์อีกต่อหนึ่ง
ในตอนแรก เอ็กซ์เซฟ ไม่ค่อยเห็นด้วยกับแบบร่างยานบินของหุ่น “โกริว” ที่โวล์ฟกังสร้างขึ้นให้กับโจ เพราะคิดว่ามันแทบไม่มีประโยชน์ และไม่สวยงาม ที่จะให้ปลายหัวของร่างยานบินของโกริว ต้องมีหัวสว่านขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่ (โวล์ฟกังอาจจะคิดว่า ฮิริว หุ่นรบตัวก่อนหน้านี้ของโจ พ่ายแพ้จนถูกทำลายย่อยยับเพราะ ดริลแคชเชอร์ อาวุธที่เป็นหัวสว่านของไมท์ไคเซอร์ แทงทะลุชนิดหมดทางสู้ เลยติดตั้งอาวุธแบบเดียวกันลงไปที่หุ่นตัวใหม่ คือโกริว) แต้ทายที่สุดแล้ว เอ็กซ์เซฟที่นำหุ่นขนาดยักษ์ที่มีความใหญ่โตขนาดสูงเทียมเมฆ มาสู้กับเกรทไมท์ไกน์ ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อโกริวของโจ โดยเอ็กซ์เซฟ ตายอนาถจากการที่โจ ดับเครื่องบน โดยบังคับให้โกริวร่างยานบิน พุ่งใช้ปลายหัวสว่าน พุ่งเข้าหาค็อกพิทที่เอ็กซ์เซฟนั่งอยู่ภายใน จนปลายหัวสว่าน แทงทะลุร่างของเอ็กซ์เซฟจนเลือดท่วม ตายคาที่ทันที

Posted Image
BLACK NOIR (พากษ์โดย Lynn Suwon)
ศัตรูที่แท้จริง และเป็นหัวหน้าใหญ่ของพวกเอ็กซ์เซฟ ที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของมัน นอกจากเสียง โดยมัน Make ชื่อของตัวเองในด้านงานธุรกิจด้านเทคโนโลยีวิศวกรรมหุ่นยนต์ ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท TR ว่า “เคน อิโนะโมโตะ” ร่างจริงของแบล็คนอร์นั้น คือปิศาจร้ายจากอีกมิติหนึ่ง อยู่ในรูปแบบของพลังงานสีดำ ที่มีใบหน้าเป็นมนุษย์ แต่มีนิสัยโหดเหี้ยม มันสามารถปล่อยพลังออร่า เพื่อที่จะฟื้นฟูสภาพของหุ่นยนต์ทหารของมัน ให้กลับคืนสภาพเดิมได้ หรือใช้อำนาจพลังลมของตัวเอง อัดคู่ต่อสู้จนกระเด็นไปในพริบตาได้ ความลับอันนี้ของแบล็คนอร์ โจเป็นคนเข้าไปสืบ และนำความจริงอันนี้ไปบอกกับไมโตะ
แบล็คนอร์คือต้นตอของเหตุร้ายทั้งหมด อีกทั้ง เมื่อมันรู้ว่า เซนปูจิ อาซาชิ พ่อของไมโตะ ได้ดำเนินโปรเจ็คต์ ผู้กล้าสายด่วนขึ้นมา มันก็ได่ส่งคนของมันไปเก็บพ่อแม่ของไมโตะในทันที
สิ่งที่แบล็คนอร์พ่ายแพ้ก็คือ พลังจิตอันบริสุทธิ์ ที่เปรียบเสมือนแสงสว่าง ต่างจากตัวมันที่มีพลังความมืด ซึ่งเมื่อแซลลี่ ได้ส่งคลื่นพลัง อินโนเซนส์เวฟ มาให้ไมท์ไกน์ จึงทำให้ไมท์ไกน์ สามารถทำลายมันได้สำเร็จด้วยการใช้ ดาบกงล้อ (โดรินเคน) ประกอบกัน 2 เล่มกลายเป็นหอกปลายแหลม 2 ด้าน และฟันมันจนระเบิดไปพร้อมกับยานของมันทันที

Posted Image

HARUO , JUN , CHOUSAKU (พากษ์โดย Katsumi Suzuki , Ryutaro Okiayu , Naoki Makishima ตามลำดับ)

ตอนแรกเป็นแกงค์อาชญากรระดับกระจอก ที่ปล้นธนาคารแล้วโดนไกน์ กับไมโตะจับกุมตัวได้ แต่พอพ้นโทษมา ก็มารวมตัวกันเป็นแก๊งค์จิ๊กโก๋ 3 คน ออกรีดไถเงินชาวบ้านไปทั่ว เคยคิดจะฉุดแซลลี่ แต่โดนโจ ซัดเละหมอบกระแตไป
ตอนท้ายเรื่อง ทั้งสามคนเลิกทำตัวระรานสังคม และได้แวะเวียนมากินบะหมี่ที่ร้านของโฮอิ โคโล ด้วย

Posted Image

JULIUS (พากษ์โดย Yuki Wide)

นักฆ่าในตำนาน มีชีวิตยืนยาวนับ 100 ปี เหตุที่ว่า ทำไมยูลิสถึงอายุยืน ก็เพราะ เขาถูกดัดแปลงให้เป็นแอนดรอยด์นั่นเอง ตอนแรกโวล์ฟกังได้ขอให้มาช่วย เป็นมือปืนช่วยยิงคนขับไมท์ไกน์ที่นั่งอยู่ในค็อกพิท เพราะยูลิสนั้น ขึ้นชื่อลือชาว่า ยิงปืนได้แม่นราวจับวาง ผลงานที่ทำให้โวล์ฟกัง ประทับใจในตัวเขาก็คือ การยิงปีกของไมท์วิงก์ จนทะลุ ในช่วงที่ไมโตะนำไมท์วิงก์ออกบินลาดตระเวร โดยยูลิส ขอแลกมอเตอร์ซึ่งเป็นเหมือนพลังงานหลักที่ใช้ในการเดินเครื่องให้ตัวเขา สามารถมีชีวิตต่อไปได้เป็นการแลกเปลี่ยน (ยูลิส เคยหามอเตอร์จนทั่วเมืองนีโอโตเกียวซิตี้ แต่หาซื้อไม่ได้) แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็พ่ายแพ้ให้กับผู้กล้าคนใหม่ก็คือ ไมท์กันเนอร์ เขายอมแพ้ไมโตะ และจากไป
ในตอนอวสาน ยูลิสโผล่มาร่วมงานแต่งงานของไมโตะ กับ แซลลี่อีกด้วย

Main Mechanics

Posted Image

เหล่าผู้กล้าในซีรี่ย์นี้ ถือเป็นผู้กล้ารุ่นแรกที่เกิดจากลงานการสร้างของมนุษย์ โดยการเคลื่อนไหว สติปัญญา การวิเคราะห์การต่อสู้ของพวกเขา เกิดจาก AI อันล้ำสมัยที่ฝังอยู่ในศีรษะของพวกเขานั่นเอง เหล่าผู้กล้าในเรื่อง ส่วนใหญ่จะเกิดจากการนำเอารถด่วนชินคันเซ็นมาดัดแปลง ทำให้พวกเขาสามารถแปลงร่าง และไปถึงที่เกิดเหตุได้เร็วขึ้น หากใช้ร่างยานพาหนะที่รวดเร็วอย่างรถไฟได้ พลังงานหลักของพวกเขา แทบไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลง แต่แค่อาศัย ระบบกระแสไฟฟ้ากับฟิวส์นิดหน่อย ก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาสามารถออกปฏิบัติการได้แล้ว
ผู้กล้าทั้ง 9 คน มีนิสัยและการทำอะไรที่เหมือนมนุษย์มากยิ่งขึ้น มีเจ็บปวด มีโกรธ มีเสียใจ จนเรียกได้ว่า หุ่นยนต์จากซีรี่ย์นี้ เหมือนมนุษย์เข้าไปทุกที
ผู้กล้าในแต่ละทีม จะมีหัวหน้าทีมที่สามารถสั่งการ และวิเคราะห์แผนการรบได้ ยามที่ออกปฏิบัติภารกิจ อย่างเช่นทีมบอมเบอร์ส ที่มีหน้าที่หลักคือการโจมตีศัตรูสนับสนุนไมท์ไกน์ ก็มีไลโอบอมเบอร์ส เป็นหัวหน้าทีม ส่วนทีมไดเวอร์ที่เน้นภารกิจด้านการกู้ภัย ก็มี ไฟเยอร์ไดเวอร์เป็นหัวหน้าทีม
ไม่พอแค่นั้น หากเหล่าผู้กล้าทั้ง 10 คนสามารถประกอบเชื่อมต่อกัน กลายเป็นขบวนรถไฟ “จอนท์ ดราก้อนไฟเยอร์” ได้ มันจะกลายเป้นสุดยอดท่าไม้ตายในการทำลายล้างศัตรูไปในทันที … ผู้กล้าทั้ง 10 คนมีใครกันบ้าง มาดูกันเลย

Posted Image
GAINE (พากษ์โดย Hiroki Nakamura)
ส่วนสูง : 15 เมตร
น้ำหนัก : 26.2 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 165 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 160.2 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 150,000 แรงม้า

Vehicle Mode
อยู่ในรูปแบบของหัวรถด่วนชินคันเซ็นรุ่น 300 (ชินคันเซ็นโนโซมิ)
ยาว : 16.2 เมตร
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 980 กิโลเมตร / ชั่วโมง

Weapon Unit
ไกนช็อต (Gaine Shot) : ปืนสั้นของไกน์ ที่มีอานุภาพการยิงสูงมาก มีรูปร่างคล้ายๆกับหัวรถด่วนชินคันเซ็น 300
เกรเน็ดลันเชอร์อแดปเตอร์ (Granade Launcher Adapter)
ไกน์บัสเตอร์ (Gaine Buster)
ไกน์แองเคอร์ (Gaine Anchor)

ผู้กล้าคนแรกที่ปรากฏตัวในเรื่อง แปลงร่างมาจากหัวรถด่วนชินคันเซ็นรุ่น 300 มีความกล้าหาญ ฉลาด และใจเย็น มักจะออกปฏิบัติการคู่กับไมโตะเสมอ ยามที่เขาประกอบร่างเป็นไมท์ไกน์ เขาจะเป็นแขนซ้าย และ AI ของไกน์ จะเข้าไปควบคุมส่วนขับเคลื่อน ของไมท์ไกน์ และต่อสู้ไปพร้อมกับไมโตะ
ในช่วงต้นเรื่องจนถึงกลางเรื่อง ไกน์ร่างนี้ มีบทบาทมากทีเดียว แต่พอถึงช่วงที่ไมโตะ ย้ายไปขับไมท์ไคเซอร์แทน ดังนั้น เวลาออกปฏิบัติการจริง ไกน์จะประกอบร่างเป็นร่างไมท์ไกน์มาเลย เราจึงแทบไม่ได้เห็นไกน์ร่างนี้จนกระทั่งถึงตอนที่เหล่าผู้กล้า ไม่สามารถประกอบร่างได้ และในตอนอวสาน ซึ่งเป็นไกน์นี่เอง ที่สละร่างไมท์ไกน์ออก แล้วพาไมโตะ หนีออกมาจากยานของแบล็คนอร์ได้สำเร็จ
ในตอนท้ายซีรี่ย์ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ไกน์ก็ได้เข้ารับการซ่อมแซมจาก หัวหน้าโอซากะ และฮามาดะ ให้ร่างกายกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม

Posted Image
MIGHT WING
ความยาว : 16.2 เมตร
น้ำหนัก : 23.6 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 870.2 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ความเร็วสูงสุดในการบิน : 1850 กิโลเมตร / ชั่วโมง (1.5 มัค)
ชินคันเซ็นรุ่น 400 (ชินคันเซ็นสาย ยามากาตะ ส่วนใหญ่จะเรียกชินคันเซ็นรุ่นนี้ว่า “ซึบาสะ”) เป็นยานบินประจำตัวของไมโตะในช่วงครึ่งเรื่องแรก สามารถกางปีก และบินได้ มีอาวุธเป็นมิสไซล์ออกจากด้านหน้าหัวขบวน หรือยิงกุญแจมือขนาดยักษ์ ไว้คล้องตัวพวกอาชญากรที่กำลังหลบหนีก็ได้ เมื่อประกอบร่างเป้นไมท์ไกน์ จะเป็นแขนขวา
หลังจากไมโตะ ย้ายไปขับไมท์ไคเซอร์แทน ไมท์วิงค์จึงได้รับการดัดแปลงระบบขับเคลื่อน ให้สามารถบินได้โดยไร้คนขับ และในท้ายเรื่อง ไมโตะก็ได้ขับไมท์วิงค์ พาแซลลี่ไปฮันนี่มูนหลังแต่งงานนั่นเอง

Posted Image

LOCOMORIZER
ความยาว : 35.5 เมตร
น้ำหนัก : 54.9 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 360,000 กิโลเมตร / ชั่วโมง

Weapon Unit

ล็อกบัสเตอร์ (Lok Buster) : ปืนเลเซอร์ 2 กระบอกที่ติดอยู่ที่ข้างขบวน
เครื่องยนต์สนับสนุนของไกน์และไมท์วิงก์ ซึ่งสร้างมาในรูปแบบของ หัวรถจักรไอน้ำ สามารถวิ่งเหนือผิวน้ำได้ มีความเร็วในขนาดที่ว่าสามารถ วิ่งไปยังพื้นที่ต่างๆของโลกได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น เนื่องจากมีขนาดใหญ่มาก เส้นทางในการวิ่งของโลโคโมไรเซอร์ เลยต้องใช้รางรถไฟ ขนาน 2 ราง เป็นทางวิ่ง สามารถบรรทุก ไกน์ในร่างรถด่วน กับไมท์วิงก์ร่างรถด่วนได้ โดยอาศัยช่องบรรทุกที่ท้ายตัวรถ ศัตรูที่ได้รู้ซึ้งถึงพิษสงของ โลโคโมไรเซอร์ และพ่ายแพ้อย่างย่อยยับให้กับไมท์ไกน์อย่าง โวล์ฟกัง ถึงกับขนานนามให้กับ โลโคโมไรเซอร์ว่า “รถจักรปิศาจ” เลยทีเดียว เมื่อประกอบร่างเป็นไมท์ไกน์ จะกลายเป็นส่วนขาทั้งสองข้าง ลำตัว และส่วนหัว โดยส่วนหัวนั้น เป็นห้องนักบินของไมโตะ
เป็นที่น่าเสียดายที่ในตอนอวสาน หลังจากที่ไกน์ ปลดล็อกตัวเองออกจากร่างไมท์ไกน์ และพาไมโตะหนีออกไปจากยานแม่ของแบล็คนอร์ โลโคโมไรเซอร์ ไม่ได้รับการซ่อมแซมให้นำมาใช้งานได้เหมือนกับผู้กล้าคนอื่นๆ หรือยานไมท์วิงก์

Posted Image
MIGHT GAINE (พากษ์โดย Hiroki Nakamura)
ส่วนสูง : 25 เมตร
น้ำหนัก : 104.7 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 680 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 750.8 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 450,000 แรงม้า

Weapon Unit
ดาบล้อจักร (Dou Rin-Ken) : อาวุธหลักของไมท์ไกน์ ที่เวลาจะใช้ท่าฟัน ไมโตะจะตะโกนออกมาแล้วแต่ลักษณะการฟันใส่ศัตรู ซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละตอน (หลายคนที่เคยดูไมท์ไกน์ทางช่อง 7 น่าจะจำได้กับบทพากษ์ที่ทำให้เด็กยุคนั้น จำติดปากว่า “พลังดาบสายฟ้าฉับเดียวขาด!!”)
ไมท์ตี้สไลเซอร์ (Mighty Slicer): เป็นการเขวี้ยงล้อจักรที่กางหนามออกมาของโลโคโมไรเซอร์ ที่เก็บไว้ด้านข้างลำตัวของไมท์ไกน์ ใส่ศัตรู (คล้ายอาวุธ “สไปค์ชู๊ต” ของบิ๊กแลนเดอร์สจาก ดาการ์น)
ไมท์ตี้วัลคัน (Mighty Vulcan): ปืนกลที่ติดตั้งอยุ่ที่ส่วนเหนือหน้าอกทั้งสองข้างของไมท์ไกน์
ไมท์ตี้คัตเตอร์ (Mighty Cutter)
ไมท์ตี้แคนนอน (Mighty Cannon)
ไมท์ตี้ชิลด์ (Mighty Shield) : โล่ที่สามารถสะท้อนการโจมตีของศัตรูได้ทุกรูปแบบ โดยไมท์ไกน์จะกางเกราะที่แขนซ้ายออกมาเพื่อกันการโจมตี แต่เราแทบจะไม่ได้เห็นไมท์ไกน์ใช้อาวุธป้องกันชนิดนี้เท่าไหร่
ไมท์ตี้ดิสชาร์จเจอร์ (Mighty Discharger)
ซิกแนลบีม : (Signal Beam) เป็นการยิงลำแสง ออกจากคริสตัลที่ส่วนหัวของไมท์ไกน์
สวอลโลว์ร็อคเก็ต (Swallow Rocket)

หุ่นผู้กล้าร่างใหญ่ ที่ซึ่งเต็มไปด้วยหัวใจแห่งความยุติธรรม มีความกล้าหาญ ฉลาด และแข็งแกร่ง เกิดจากการประกอบร่างของ ไกน์ ที่กลายเป็นส่วนแขนซ้าย ,ไมท์วิงก์ ที่กลายเป็นส่วนแขนขวา และ โลโคโมไรเซอร์ สุดยอดรถจักรไอน้ำที่กลายเป็นขาซ้ายขวา ลำตัวและส่วนหัว ลักษณะส่วนหัว ดูเผินๆ คล้ายกับพวกนายตรวจสถานีรถไฟ นักบินผู้บังคับคือ ไมโตะ ซึ่งค็อกพิทของไมท์ไกน์นั้น จะอยู่ที่ส่วนปาก ภายใต้เฟซการ์ด รหัสการประกอบร่างคือ “เล็ทส์ !! ไมท์ไกน์” ยามที่เขาปรากฏตัว เขาจะมีสโลแกนประจำตัวคือ
“ปีกสีน้ำเงินที่นำมาพาซึ่งความหวัง ดวงไฟสีเขียวจงเปล่งแสง บัดนี้ ผู้กล้าสายด่วนไมท์ไกน์ ได้มาถึงที่หมายแล้ว !!”
หรือถ้าเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทย ที่ช่อง 7 เคยฉาย ก็จะเป็น “สามัคคีคือพลัง พิทักษ์ความสงบ รักษาคุณธรรม ผู้กล้าฉุกเฉินไมท์ไกน์ ปรากฏตัวเพื่อปราบเหล่าร้าย ให้สิ้นซากไป !!” ซึ่งแปลได้ตลกมากโดยแท้
ในช่วงแรกนั้น ไมท์ไกน์จะมีนักบินหลักคือไมโตะ แต่หลังจากที่ไมท์ไกน์ พ่ายแพ้ให้กับ ฮิริวของโจ และโลโคโมไรเซอร์เสียหายหนัก ไมโตะเลยย้ายไปเป็นนักบินไมท์ไคเซอร์แทน และหลักจากนั้น ไมท์ไกน์ก็จะทำการต่อสู้โดยไร้คนขับภายใน ยกเว้นตอนที่ประกอบร่างเป็นเกรทไมท์ไกน์ ไมโตะจึงจะกลับมาขับอีกครั้ง อีกทั้ง ช่วงที่ไมโตะย้ายไปขับไมท์ไคเซอร์ เวลาที่ไมท์ไกน์ปรากฏตัว เขาจะเปลี่ยนแปลงคำพูดรหัสในการประกอบร่าง จาก “กัตไต” กลายเป็น “เชนจ์ ไมท์ไกน์” แทน



Posted Image
MIGHT KAISER

ส่วนสูง : 23.5 เมตร
น้ำหนัก : 82.4 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 560 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ความเร็วในการบินสูงสุด : 1,860.8 กิโลเมตร/ชั่วโมง (1.5 มัค)
พลังในการกระโดดสูงสุด : 860.8 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 585,000 แรงม้า

Vehicle mode
แบบที่ 1 อยู่ในรูปแบบของขบวนรถไฟหัวสว่านพ่วงคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ เรียกว่า DRILL EXPRESS มีไคเซอร์ดริลเป็นรถจักรที่พ่วงต่อเข้ากับไคเซอร์แคร์เรีย ซึ่งเป็นคอนเทนเนอร์สีขาวขนาดใหญ่ บรรทุกไคเซอร์แมชชีนทั้ง 5 ไว้
ความยาว :52.8 เมตร
น้ำหนัก : 82.4 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 1,207.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 585,000 แรงม้า



แบบที่ 2 อยู่ในรูปแบบเครื่องบินรบหัวสว่าน เรียกว่า “ไคเซอร์เจ็ท”
ความยาว : 24.6 เมตร
น้ำหนัก : 82.4 ตัน
ความเร็วสูงสุดในการบิน : 6,125.6 กิโลเมตร / ชั่วโมง (5 มัค)
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 585,000 แรงม้า

สามารถแยกส่วนออกเป็น 6 ส่วนได้ ดังนี้

Posted Image
- KAISER DRILL : หัวรถจักรติดตั้งหัวสว่านขนาดใหญ่ไว้ เป็นยานประจำตัวของไมโตะ ยามที่ประกอบร่างเป็นไมท์ไคเซอร์ จะเป็นส่วนลำตัว ส่วนหัว และส่วนต้นขา ถ้าเป็นเวลาที่ประกอบร่างเป็นเกรทไมท์ไกน์ จะเป็นส่วนหน้าอก
ความยาว : 22.5 เมตร

Posted Image
- KAISER 1
เครื่องบินเจ็ทขนาดเล็ก เราจะเห็นตัวเครื่องเจ็ทนี้ ทำหน้าที่เป็นส่วนหน้าอกของไมท์ไคเซอร์ และส่วนเอวของเกรทไมท์ไกน์ เท่านั้น แทบไม่เคยเห็นทำภารกิจอื่นๆเลย
ความยาว : 7.2 เมตร
น้ำหนัก : 4.2 ตัน
ความเร็วในการบินสูงสุด : 3,820 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 25,000 แรงม้า

Posted Image
- KAISER 2
รถขุดเจาะใต้ดิน แต่มีลักษณะหัวสว่านเป็นทรง 8 เหลี่ยม ทำหน้าที่เป็นแขนขวาของไมท์ไคเซอร์ และออพชั่นส่วนแขนซ้ายของเกรทไมท์ไกน์
ความยาว : 7.6 เมตร
น้ำหนัก : 7.3 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 380.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ความเร็วสูงสุดในการวิ่งใต้ดิน : 220.8 กิโลเมตร/ชั่วโมง
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 49,000 แรงม้า

Posted Image

- KAISER 3
รถเครนขนาดเล็ก ทำหน้าที่เป็นแขนซ้ายของไมท์ไคเซอร์ และเป็นแขนขวาของเกรทไมท์ไกน์
ความยาว : 7.7 เมตร (รวมแท่งเครน)
ความยาว : 4.0 เมตร (เฉพาะตัวถัง)
น้ำหนัก : 6.1 ตัน
ความเร็วในการบินสูงสุด : 408.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 38,000 แรงม้า

Posted Image

- KAISER 4
- รถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก สามารถดำน้ำได้ด้วย เป็นส่วนขาข้างขวาของไมท์ไคเซอร์ และเป็นออพชั่น เท้าข้างซ้ายของเกรทไมท์ไกน์
ความยาว
ความยาว : 9.6 เมตร
น้ำหนัก : 9.8 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 260.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง (บนพื้นดิน)
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 110.2 กิโลเมตร / ชั่วโมง (บนผิวน้ำ)
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 56,000 แรงม้า

Posted Image

- KAISER 5
รถบลูโดเซอร์ เป็นส่วนขาซ้ายของไมท์ไคเซอร์ และเป็นส่วนเท้าขวาของเกรทไมท์ไกน์
ความยาว : 9.4 เมตร
น้ำหนัก : 9.8 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 180.2 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 56,000 แรงม้า



Weapon Unit
ดริลแคชเชอร์ (Drill Crusher) : เป็นอาวุธหัวสว่านที่มีด้ามจับ แล้วถ้าบวกกับสปีดในการบินเข้าหาศัตรูด้วยความเร็วของไมท์ไคเซอร์แล้ว จะสร้างความรุนแรงในการทะลุทะลวงศัตรูได้เป็นอย่างดี
โชลเดอร์ดริล (Shoulder Drill) : เป็นการปล่อยปลายหัวสว่านของ KAISER 2 ที่อยู่ที่แขนซ้ายออกไปใส่ศัตรู
ดริลไคเซอร์ (Drill Kaiser)
ร็อดไคเซอร์ (Rod Kaiser)
ฮูค (Hook)
ไคเซอร์วัลคัน (Kaiser Vulcan)

ผู้กล้าคนใหม่ที่ไม่ได้ติดตั้งระบบ AI มีนักบินคือไมโตะ เกิดจากการ ประกอบร่างกันระหว่าง “ไคเซอร์ดริล” ซึ่งเป็นหัวรถจักรติดตั้งหัวสว่านไว้ที่ส่วนหัวรถ กับ ไคเซอร์แมชชีนทั้ง 5 เครื่อง อีกทั้ง ยังสามารถเปลี่ยนร่างในรูปแบบ “ดริลเอ็กซ์เพรส” หรือ “ไคเซอร์เจ็ท” ได้อีกด้วย แน่นอนว่า ค็อกพิทของไมท์ไคเซอร์ ก็อยู่ที่ส่วนหัว ภายใต้เฟซการ์ด เหมือนไมท์ไกน์เช่นกัน
ในช่วงแรกนั้น ไมท์ไคเซอร์คือหุ่นยนต์ตัวใหม่ ที่หัวหน้าโอซากะสร้างขึ้นเพื่อแบ็คอัพไมท์ไกน์ และเตรียมรับมือกับฮิริวที่แข็งแกร่งขึ้น แต่ว่า ในข่วงที่กำลังประกอบตัวเครื่องอยู่นั้น ฮิริวของโจ ก็ดันออกมาท้าไมท์ไกน์สู้ก่อน ด้วยเหตุนี้เอง ไมท์ไกน์จึงพลาดท่าถูกทำลายด้วยน้ำมือของฮิริว ไมโตะกับไกน์บาดเจ็บหนัก โลโคโมไรเซอร์ถูกทำลาย และต้องเข้าอู่ซ่อม
เมื่อมีศัตรูใหม่ออกมาอีก คราวนี้ ไมท์ไคเซอร์ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ จึงสามารถนำออกมาใช้ได้ อีกทั้ง ทักษะการบินของไมท์ไคเซอร์ ยังอยู่ในระดับที่สูงมากๆ ทำให้มีเทคนิกในการบินฉวัดเฉวียน และพุ่งเข้าหาศัตรูก่อนจะทำลายด้วยสุดยอดอาวุธ “ดริลแคชเชอร์”
ไมท์ไคเซอร์ ดวลกับฮิริวได้อย่างสูสี และก็สามารถทำลายฮิริวลงได้ แต่มันไม่จบแค่นั้น มีช่วงหนึ่งที่มีเศษดวงอาทิตย์ หลุดลอยออกมา และโดนแรงโน้มถ่วงของโลกดูดลงไป และถ้าหากเศษดวงอาทิตย์นี้ตกลงมา เมืองที่จะโดนก่อนใครเพื่อนเลยนี่ก็คือ นีโอโตเกียวซิตี้ หัวหน้าโอซากะ กับฮามาดะ เลยรีบดัดแปลงให้ไมท์ไกน์ ที่ซ่อมแซมโลโคโมไรเซอร์เสร็จสมบูรณ์ สามารถประกอบร่างกับไมท์ไคเซอร์ กลายเป็นเกรทไมท์ไกน์ได้ และได้อาวุธใหม่คือไมท์กันเนอร์ อีกทั้ง ยังได้ความร่วมมือจากโจ และหุ่นใหม่ของเขา โกริว ที่ยอมสงบศึกชั่วคราว ช่วยกันทำลายเศษดวงอาทิตย์ได้เป็นผลสำเร็จ
ในตอนอวสาน เกรทไมท์ไกน์ที่ร่างกายเสียหายหนัก ยอมปลดชิ้นส่วนที่เสียหายของไมท์ไคเซอร์ออกทั้งหมด จนเหลือแค่ร่างธรรมดาเพื่อเข้าต่อสู้กับแบล็คนอร์ และไมท์ไคเซอร์ก็ไมได้รับการซ่อมแซมเหมือนผู้กล้าคนอื่นๆ

Posted Image

GREAT MIGHT GAINE (พากษ์โดย Hiroki Nakamura)
ส่วนสูง : 35.8 เมตร (รวมความสูงปีกทั้งสองข้าง)
ส่วนสูง : 30.5 เมตร (ไม่รวมปีก)
น้ำหนัก : 187.1 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด :1,680 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ความเร็วสูงสุดในการบิน : 12,464.8 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 2,250.8 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 1,250,000 แรงม้า

Weapon Unit
สุดยอดดาบล้อจักร (Great Dou Rin-Ken) : เป็นการอัพเกรดดาบล้อจักรเล่มเดิมของไมท์ไกน์ แต่เช่นกัน ท่าฟันจะขึ้นอยู่กับการตะโกนออกมาของไมโตะ
ไมท์ตี้วัลคัน (Mighty Valcun)
ไมท์ตี้สไลเซอร์ (Mighty Slicer)
เกรทเบรกเกอร์ (Great Breaker)
เกรทไฟเยอร์ (Great Fire) : เป็นการปล่อยเปลวเพลิงออกจากหน้าอกของเกรทไมท์ไกน์
ไมท์ตี้ดิสชาร์จเจอร์ (Mighty Discharger)
ซิกแนลบีม (Signal Beam)
เฮดเคลฟวิ่ง (Head Cleaving)
สุดยอดหุ่นผู้กล้า ที่มีพลังในการโจมตีอยู่ในระดับสูง ฉลาด แข็งแกร่ง และรักความยุติธรรม เกิดจากการประกอบร่างของ ไมท์ไกน์ และ ไมท์ไคเซอร์ ด้วยรหัสการประกอบร่าง “เกรทแดช” และไมโตะ ก็ได้กลับขึ้นมาบังคับเกรทไมท์ไกน์ในค็อกพิทห้องเดิมอีกครั้ง
ด้วยพลังที่สูงขึ้น ทำให้ดาบล้อจักร ได้รับการอัพเกรดให้มีอานุภาพในการทะลวงฟันสูงยิ่งขึ้น และท่าฟันก็จะเปลี่ยนไปตามลักษณะของการตะโกนของไมโตะเช่นเดิม เพียงแต่มันไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กระบวนท่าในการให้เกรทไมท์ไกน์ ใช้ระบบบูสเตอร์เจ็ทที่อยู่ข้างหลัง ในการทะยานขึ้นฟ้าแล้ว ฟันศัตรูเหมือนในร่างไมท์ไกน์ แต่เขาสามารใช้ลำแสงที่เปล่งออกมาจากสันดาป แล้วฟันทีเดียว ให้ศัตรูตายได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรมากมาย
ในตอนอวสาน เกรทไมท์ไกน์ร่างกายเสียหายอย่างหนัก เลยจำเป็นต้องปลดชิ้นส่วนของไมท์ไคเซอร์ออก แล้วเข้าไปสู้กับแบล็คนอร์

Posted Image

MIGHT GUNNER (พากษ์โดย Katsumi Suzuki)

ส่วนสูง : 18.5 เมตร
น้ำหนัก : 46.7 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด :280.6 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 160.2 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 260,000 แรงม้า

Vehicle Mode
อยู่ในรูปแบบรถไฟด่วนที่ติดตั้งหัวปากกระบอกปืนใหญ่ วิ่งได้ด้วยความเร็งสูง

ความยาว : 24.9 เมตร
น้ำหนัก : 46.7 ตัน
ความเร็วสูงสุดในการวิ่ง :362,000 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 260,000 แรงม้า

Weapon Mode
ไมท์กันเนอร์ สามารถยื่นด้ามไกปืน ออกมาให้เกรทไมท์ไกน์ใช้ยิงในโหมด Bullet Express ได้ โดยรูปแบบของฟอร์มนี้ จะเหมือนกับ ไมท์กันเนอร์ร่างรถไฟด่วนทุกประการ
ส่วนสูง : 35.8 เมตร (รวมความสูงปีกทั้งสองข้าง)
ส่วนสูง : 30.5 เมตร (ไม่รวมปีก)
น้ำหนัก : 187.1 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด :1,680 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ความเร็วสูงสุดในการบิน : 12,464.8 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 2,250.8 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 1,250,000 แรงม้า

ไมท์กันเนอร์ สามารถแปลงร่างตัวเองเป็น เพอร์เฟ็คต์แคนนอน (Perfect Cannon) สุดยอดปืนใหญ่ที่มีพลังการยิงสูงสุด


Weapon Unit
โชลเดอร์ แคนนอน (Shoulder Cannon) : ปืนเลเซอร์กระบอกคู่ ที่ติดตั้งไว้ที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง
เซลฟ์แคนนอน (Self Cannon) : ปืนใหญ่ที่ติดตั้งไว้ที่หน้าอก

หุ่นผู้กล้าคนใหม่ที่ติดตั้งระบบ AI ไว้ด้วย แปลงร่างมาจากรถไฟด่วน เป็นผู้กล้าอีกคนหนึ่งที่สามารถแปลงร่างได้ด้วยระบบ ทริปเปิ้ลเชนจ์เจอร์ (แปลงร่างเป็นโหมดหุ่นยนต์ , ยานพาหนะ และอาวุธปืน) ความสามารถของไมท์กันเนอร์นั้นก็คือ ถ้าเป็นในระยะรัศมี 500 กิโลเมตร ไมท์กันเนอร์ไม่เคยยิงพลาดเป้า
ตอนแรกนั้น ไมท์กันเนอร์ เป็นเพียงแค่รถไฟด่วนที่หัวหน้าโอซากะ ยังดัดแปลงให้แปลงร่างเป็นหุ่นได้ไม่สำเร็จ และตอนนั้นมีเศษดวงอาทิตย์กำลังจะตกลงมาบนโลก เกรทไมท์ไกน์เลยจำเป็นต้องใช้พลังทำลายของไมท์กันเนอร์ ในการทำลายเศษดวงอาทิตย์ก้อนนั้น
หลังจากที่เข้าเป็นสมาชิกใหม่ของทีมผู้กล้าอย่างเต็มตัว ไมท์กันเนอร์ก็ได้รับการปรับปรุงระบบ ให้สามารถเปลี่ยนร่างเป็นปืนใหญ่รูปทรง ปืนชนิด .357 ที่สามารถยิงลำแสงทำลายล้าง เป็นอาวุธไม้ตายให้เกรทไมท์ไกน์ แต่ในตอนอวสาน ไมท์กันเนอร์ถูกทำลายไปในตอนสู้กับเอ็กซ์เซฟ แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมให้เหมือนเดิมในช่วงท้ายเรื่อง พร้อมๆกับผู้กล้าคนอื่นๆ

Posted Image

GREAT MIGHT GAINE PERFECT MODE
ส่วนสูง : 36.5 เมตร (รวมความสูงของปืนใหญ่เพอร์เฟ็คต์แคนนอน)
ส่วนสูง : 30.5 เมตร (ไม่รวมปีกและปืนเพอร์เฟ็คต์แคนนอน)
น้ำหนัก : 233.8 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด :880.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ความเร็วสูงสุดในการบิน : 7,344.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 650.8 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 1,985,000 แรงม้า

ร่างสมบูรณ์ของเกรทไมท์ไกน์ ที่ซึ่งประทับอาวุธขนาดใหญ่ไว้บนบ่าข้างขวา นั่นก็คือ ปืนใหญ่ “เพอร์เฟ็คต์แคนนอน” โดยการใช้อาวุธชิ้นนี้ ไมโตะจะเป็นคนเล็งเป้าจากในค็อกพิท ด้วย Target Scoop พร้อมเหนี่ยวไกยิงด้วย Gun Controller เพียงแค่การยิงเพียงนัดเดียว ก็สามารถทำให้หุ่นศัตรู แลหสลายจนไม่เหลือแม้แต่ซาก แต่ด้วยแรงถีบของอานุภาพการยิง ก็ทำเอา เกรทไมท์ไกน์ถอยหลังครูดไปไกลทีเดียว
ในตอนอวสาน เกรทไมท์ไกน์ต้องสู้กับหุ่นของเอ็กซ์เซฟ แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย อีกทั้ง ยังต้องสูญเสียสุดยอดอาวุธอย่างเพอร์เฟ็คต์ไป

Posted Image
ทีมบอมเบอร์ส (BOMBERS)
บอมเบอร์ส คือทีมหุ่นผู้กล้าที่มีหน้าที่สนับสนุนไมท์ไกน์ พวกเขาเองก็ได้รับการติดตั้งระบบ AI ไว้เช่นกัน ทำให้พวกเขาสามารถตัดสินใจ ที่จะลงมือเองได้อย่างอิสระ พวกเขาถูกสร้างไว้นานแล้ว จนกระทั่ง ฮามาดะ ได้ปรับปรุงระบบการเปลี่ยนร่างของพวกเขา ทำให้พวกเขากลายเป็น ทีมผู้กล้าที่สามารถเปลี่ยนร่างได้ 3 รูปแบบ (ทริปเปิ้ลเชนจ์เจอร์) ในยามที่พวกเขาจะออก)กิบัติการ พวกเขาจะเดินทางมาด้วยการเชื่อมต่อในรูปของ ขบวนรถไฟชินคันเซ็นหัวสิงโต ซึ่งรู้จักกันในนาม “Animal Express” และสมาชิกทีม บอมเบอร์สนั้น ประกอบไปด้วย

Posted Image
LIO BOMBER (พากษ์โดย Naoki Makishima)
ส่วนสูง : 15.2 เมตร
น้ำหนัก : 27.5 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 180.6 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 190.6 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 180,000 แรงม้า

Weapon Unit
ไลโอเลเซอร์ (Lio Laser)


Vehicle Mode
อยู่ในรูปแบบของหัวรถด่วนชินคันเซ็นรุ่น 200 (ชินคันเซ็น ยามาบิโกะ)
ยาว : 16.5 เมตร
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 2,807.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง

Animal Mode
อยู่ในรูปแบบของ สิงโตสีเขียวขนาดใหญ่
ความยาว : 12 เมตร
ความเร็วสูงสุดในการวิ่งสูงสุด : 360.2 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 307.6 เมตร

Weapon Unit

ไลโอครัชเชอร์ (Lio Crusher)
ไลโอเฟลม (Lio Flame)

หัวหน้าทีมบอมเบอร์ส เดิมนั้นชื่อ “ยามาบิโกะบอมเบอร์” แปลง ร่างได้ 3 รูปแบบ คือโหมดหุ่นยนต์ , ยานพาหนะ และร่างสิงโตเหล็ก มีความเร็ว ฉลาด และมีความเป็นผู้นำ อีกทั้ง รักพวกพ้องอย่าบอกใคร เวลาที่เขาประกอบร่างกับบอมเบอร์สคนอื่น เขาจะเป็นส่วนลำตัวท่อนบน และส่วนหัวของไทรบอมเบอร์ แต่หากประกอบร่างเป็นแบทเทิ่ลบอมเบอร์ เขาจะเป็นส่วนลำตัวท่อนบนเพียงอย่างเดียว ถูกทำลายไปในตอนที่ 46 แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่


Posted Image
BIRD BOMBER (พากษ์โดย Masami Kikuchi)
ส่วนสูง : 15 เมตร
น้ำหนัก : 19.9 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 180.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 290.8 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 180,000 แรงม้า

Vehicle Mode
อยู่ในรูปแบบของหัวรถด่วนชินคันเซ็นรุ่น 253 (ชินคันเซ็น นาริตะ)
ยาว : 16.2 เมตร
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 790.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง

Animal Mode
อยู่ในรูปแบบของ นกแร้งสีแดงขนาดใหญ่ สามารถบินลาดตระเวรบนท้องฟ้าได้
ความยาว : 10.5 เมตร
ความเร็วในการบินสูงสุด : 2580.8 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 65.2 เมตร

Weapon Unit
เบิร์ดโซนิค (Bird Sonic)
เบิร์ด แทรชเชอร์ (Bird Thrasher)

สมาชิกทีมบอมเบอร์ส เดิมนั้นชื่อ “นาริตะบอมเบอร์” แปลงร่างได้ 3 รูปแบบ คือโหมดหุ่นยนต์ , ยานพาหนะ และร่างนกแร้งเหล็กสีแดง มีความเร็ว ฉลาด คล่องแคล่วในการต่อสู้ทางอากาศ สามารถปล่อยคลื่นเสียงพลังสูง เบิร์ดโซนิค โจมตีศัตรูได้ เวลาที่ประกอบร่างเป็นไทรบอมเบอร์ จะเป็นแขนซ้าย ท่อนเอวซีกซ้าย และขาซ้าย เช่นกันว่าถ้าประกอบร่างเป็นแบทเทิลบอมเบอร์ จะเป็นแขนซ้าย ท่อนเอวซีกซ้าย และขาซ้าย ถูกทำลายไปในตอนที่ 46 แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่

Posted Image

DINO BOMBER (พากษ์โดย Hirohiko Kakegawa)
ส่วนสูง : 15 เมตร
น้ำหนัก : 32.3 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 140.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 180.8 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 220,000 แรงม้า

Vehicle Mode
อยู่ในรูปแบบของหัวรถด่วนชินคันเซ็นรุ่นฮิตาชิ
ยาว : 16.6 เมตร
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 740.2 กิโลเมตร / ชั่วโมง

Animal Mode
อยู่ในรูปแบบของ ไดโนเสาร์พันธุ์ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ สีม่วงขนาดใหญ่ มีพละกำลังในการเข้าปะทะสูงมาก อีกทั้งยังสามารถดำน้ำได้ด้วย
ความยาว : 23.3 เมตร
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 98.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 280.2 เมตร

Weapon Unit
ไดโนแฮมเมอร์ (Dino Hammer )
ไดโนบลิซซาร์ด (Dino Blizzard)
ไดโนไฟเยอร์ (Dino Fire)
ไดโนการ์แลนด์ (Dino Garland)

สมาชิกทีมบอมเบอร์ส คนที่ 3 เดิมนั้นชื่อ “ฮิตาชิบอมเบอร์” แปลงร่างได้ 3 รูปแบบ คือโหมดหุ่นยนต์ , ยานพาหนะ และร่างไดโนเสาร์เหล็กสีม่วง มีลูกอึด ลูกหนักเข้าปะทะกับคุ่ต่อสู้ จัดได้ว่า ค่อนข้างบุ่มบ่ามที่สุดในบรรดาสมาชิกทีมบอมเบอร์ส สามารถปล่อยคลื่นน้ำแข็งพลังสูงออกจากปากในร่างไดโนเสาร์ได้ เวลาที่ประกอบร่างเป็นไทรบอมเบอร์ จะเป็นแขนขวา ท่อนเอวซีกขวา และขาขวา เช่นกันว่าถ้าประกอบร่างเป็นแบทเทิลบอมเบอร์ จะเป็นแขนขวา ท่อนเอวซีกขวา และขาขวา ถูกทำลายไปในตอนที่ 46 แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่

Posted Image
TRI BOMBER (พากษ์โดย Naoki Makisima)
ส่วนสูง : 24.2 เมตร
น้ำหนัก : 85.6 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 540.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 630 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 730,000 แรงม้า

Vehicle Mode
บอมเบอร์สทั้ง 3 คน สามารถที่จะรวมร่างกันในรูปแบบของ ขบวนรถไฟขนาดใหญ่ เรียกว่า Animal Express ได้
ความยาว : 25.5 เมตร
น้ำหนัก : 85.6 ตัน
ความเร็วสูงสุดในการวิ่ง : 340,000 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 730,000 แรงม้า

Weapon Unit
บอมเบอร์เบลค (Bomber Blake)
บอมเบอร์สตีมเมอร์ (Bomber Steamer)
บอมเบอร์มิซไซล์ (Bomber Missile)
บอมเบอร์โกลฟ (Bomber Gloves)
บอมเบอร์แครช (Bomber Crash)

เกิดจากการประกอบร่างของ บอมเบอร์ส 3 คนคือ ไลโอบอมเบอร์ เบิร์ดบอมเบอร์ และ ไดโนบอมเบอร์ ถนัดในการต่อสู้ด้วยกระบวนท่าแบบกังฟู และการต่อสู้แบบประชิดตัว จัดว่าเป็นหุ่นที่มือหนักพอสมควร ท่าถนัดของเขาก็คือ การแทงคู่ต่อสู้ด้วยมือขวาอันทรงพลังในท่า “บอมเบอร์แครช”
ไทรบอมเบอร์ เสียทีให้กับฮิริวของโจ จนร่างกายเสียหายอย่างหนัก แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้สมาชิกใหม่ แต่หน้าเก่าเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คนก็คือ ฮอร์นบอมเบอร์ ซึ่งมาอัพเกรดร่างไทรบอมเบอร์ให้กลายเป็นแบทเทิ่ลบอมเบอร์ไป และหลังจากนั้น เราก็ไม่ได้เห็นร่างของไทรบอมเบอร์อีกเลย


Posted Image
HORN BOMBER (พากษ์โดย Naoki Makishima)
ส่วนสูง : 16 เมตร
น้ำหนัก : 32.6 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 165.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 170.2 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 200,000 แรงม้า

Weapon Unit
ฮอร์น แด็กเกอร์ (Horn Dagger)

Vehicle Mode

อยู่ในรูปแบบของหัวรถด่วนชินคันเซ็นรุ่น 100 (ชินคันเซ็นฮิคาริ)
ยาว : 16.5 เมตร
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 790.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง

Weapon Unit
Horn Launcher (ฮอร์นลันเชอร์) : เครื่องยิงจรวดที่ติดอยู่ที่หลังคาของฮอร์นบอมเบอร์ร่างยานพาหนะ



Animal Mode
อยู่ในรูปแบบของ ไดโนเสาร์พันธุ์ไทรเซราท็อปส์ สีดำขนาดใหญ่ พละกำลังสูงมาก และมีเขาขนาดใหญ่ สามารถพุ่งเข้าชนศัตรูจนถอยห่างได้
ความยาว : 18.5 เมตร
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 280.4 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 195.6 เมตร

Weapon Unit
ฮอร์นลันเชอร์ (Horn Launcher )
ฮอร์นธันเดอร์ (Horn Thunder)
ฮอร์นกริพ (Horn Gruppe)


สมาชิกทีมบอมเบอร์ส คนที่ 4 ที่ปรับปรุงระบบทริปเปิ้ลเชนจ์เจอร์ยังไม่สมบูรณ์ เลยได้ออกโรงช้ากว่าเพื่อน เดิมนั้นชื่อ “ฮิคาริบอมเบอร์” แปลงร่างได้ 3 รูปแบบ คือโหมดหุ่นยนต์ , ยานพาหนะ และร่างไทรเซราท็อปส์สีดำ มีแข็งแกร่ง มีลูกหนักเข้าปะทะกับคู่ต่อสู้ ดำน้ำได้ สามารถทำหน้าที่ผู้นำทีม แทนไลโอบอมเบอร์ได้ในบางครั้ง ปรากฏตัวครั้งแรกในช่วงที่บอมเบอร์ส 3 คนแรก เสียหายจากการต่อสู้กับฮิริว และกำลังซ่อมแซม และเป็นแกนหลักในการอัพเกรดร่างของไทรบอมเบอร์ ให้สามารถประกอบร่างกับเจ้าตัว กลายเป็นแบทเทิลบอมเบอร์ได้ เวลาที่ประกอบร่างเป็นแบทเทิลบอมเบอร์ จะเป็นส่วนหัว ปืนใหญ่แบทเทิลลันเชอร์ และปีก ถูกทำลายไปในตอนที่ 46 แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่

Posted Image
BATTLE BOMBER BOMBER (พากษ์โดย Naoki Makisima)
ส่วนสูง : 26.5 เมตร (รวมส่วนสูงของปืนยิงจรวด แบทเทิลลันเชอร์)
ส่วนสูง : 24.6 เมตร
น้ำหนัก : 118.2 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 540.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ความเร็วในการบินสูงสุด : 1,452.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 960 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 970,000 แรงม้า

Vehicle Mode

บอมเบอร์สทั้ง 4 คน สามารถที่จะรวมร่างกันในรูปแบบของ ขบวนรถไฟขนาดใหญ่ เรียกว่า New Animal Express ได้
ความยาว : 34 เมตร
น้ำหนัก : 118.2 ตัน
ความเร็วสูงสุดในการวิ่ง : 340,000 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 970,000 แรงม้า

Weapon Unit
แบทเทิลลันเชอร์ (Battle Launcher)
แบทเทิลเบิร์สต์ (Battler Burst)
บอมเบอร์เบลค (Bomber Blake)
บอมเบอร์โกลฟ (Bomber Gloves)
บอมเบอร์แครช (Bomber Crash)

ร่างอัพเกรดของไทรบอมเบอร์ ที่ซึ่งคราวนี้ ติดตั้งอาวุธหนักอย่างเครื่องยิงมิซไซล์นำวิถี “แบทเทิลลันเชอร์” ไว้ที่บ่าข้างขวา พลังการต่อสู้ก็สูงขึ้น อีกทั้งยังสามารถทำให้บินได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างไร เขาก็ถูกทำลายไปในตอนที่ 46 เมื่อเอาตัวเข้าไปขวางดาบของศัตรูที่กำลังจะแทงเกรทไมท์ไกน์ และในตอนอวสาน เขาก็ได้รับการซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิม

Posted Image
ทีมไดเวอร์ส (DIVERS)
หากว่ามีไมท์ไกน์ กับทีมบอมเบอร์ ที่เน้นการโจมตี ก็ต้องจำเป็นจะต้องมีผู้ที่ต้องคอยช่วยอพยพประชาชน หรือเป็นกำลังเสริม ที่คอยสนับสนุน ซึ่งจุดนี้ เป็นจุดเด่นของทีมไดเวอร์ ทีมผู้กล้าที่มีหน้าที่หลักคือการช่วยเหลือ และกู้ภัย สมาชิกในทีมส่วนใหญ่ จะสามารถแปลงร่างเป็นยานพาหนะที่เน้นการกู้ภัย แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ได้รับการติดตั้ง AI ไว้ด้วยเช่นกัน และสมาชิกในทีมไดเวอร์สนั้น ประกอบไปด้วย

Posted Image

FIRE DIVER (พากษ์โดย Ryutaro Okiayu)
ส่วนสูง : 14.8 เมตร
น้ำหนัก : 19.2 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 150 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 240.5 เมตร
พลังกำลังในการขับเคลื่อนสูงสุด : 120,000 แรงม้า

Weapon Unit
ไฟเยอร์ ดิสชาร์จเจอร์ (Fire Discharger)
โรเคตเต้า ไฟเยอร์โอเวอร์ (Roketta Fire Over)

Vehicle Mode

อยู่ในร่างของรถดับเพลิง สามารถเข้าช่วยเหลอผู้คนที่ติดอยู่บนตึกที่สูง และสามารถดับไฟได้อย่างรวดเร็ว
ความยาว : 7.5 เมตร
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 380.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง

หัวหน้าทีมไดเวอร์ส แปลงร่างมาจากรถดับเพลิง ใจเย็น กล้าหาญ และฉลาด สามารถดับไฟได้อย่างรวดเร็ว เมื่อประกอบร่างเป็นการ์ดไดเวอร์ จะเป็นส่วนแขนซ้าย-ขวา ลำตัวท่อนบน และส่วนหัว ถูกทำลายไปในตอนที่ 46 แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมในตอนอวสาน

Posted Image

POLICE DIVER (พากษ์โดย Naoki Makishima)
ส่วนสูง : 12.9 เมตร
น้ำหนัก : 13.5 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 520.2 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 170.2 เมตร
พลังกำลังในการขับเคลื่อนสูงสุด : 97,000 แรงม้า

Weapon Unit
โพลิสแม็กนั่ม (Police Magnum) : ปืนสั้นพลังทะลุทะลวงสูง
โพลิสมิซไซล์ (Police Missile)

Vehicle Mode
อยู่ในร่างของรถตำรวจ ด้วยขนาดที่เล็ก สามารถเข้าถึงสถานที่เกิดเหตุได้รวดเร็ว และช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บได้
ความยาว : 4.3 เมตร
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 610 กิโลเมตร / ชั่วโมง
สมาชิกคนที่ 2 ของทีมไดเวอร์ส ได้รับความร่วมมือจากกรมตำรวจในการออกแบบโพลิสไดเวอร์ สามารถทำหน้าที่สปายเข้าสอดแนมศัตรู มีคำพูดที่คมคายติดตัว และสุขุมรอบคอบ เวลาที่ประกอบร่างเป็นการ์ดไดเวอร์ เขาจะเป็นส่วนเอว และต้นขาทั้งสองข้าง ถูกทำลายไปในตอนที่ 46 แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมในตอนอวสาน

Posted Image

JET DIVER (พากษ์โดย Masami Kukuchi)
ส่วนสูง : 12.9 เมตร
น้ำหนัก : 12.9 ตัน
ความเร็วในการบินสูงสุด : 175 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 260.5 เมตร
พลังกำลังในการขับเคลื่อนสูงสุด : 109,000 แรงม้า

Weapon Unit
เจ็ทไรเฟิล (Jet Rifle) : ปืนยาวที่ยิงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
เจ็ทคลัสเตอร์ (Jet Cluster)
เจ็ทเคจ (Jet Cage) : อุปกรณ์ช่วยชีวิตผู้คนที่ติดอยู่บนที่สูง ไว้ให้ผู้คน เข้าไปยืนข้างใน แล้วเจ็ทไดเวอร์จะบินดึงขึ้นออกจากจุดเกิดเหตุ

Vehicle Mode

อยู่ในร่างของเครื่องบินเจ็ท สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดอยู่บนดาดฟ้าตึกสูงๆได้
ความยาว : 9 เมตร
ความเร็วในการบินสูงสุด : 2450.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
หน่วยแม่นปืนของทีมไดเวอร์ส สามารถปฏิบัติการบนอากาศได้เป็นอย่างดี เวลาประกอบร่างเป็นการ์ดไดเวอร์ จะเป็นขาซ้าย ถูกทำลายไปในตอนที่ 46 แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมในตอนอวสาน

Posted Image

DRILL DIVER DIVER (พากษ์โดย Hirohiko Kakegawa)
ส่วนสูง : 12.8 เมตร
น้ำหนัก : 25.6 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 85 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 165.5 เมตร
พลังกำลังในการขับเคลื่อนสูงสุด : 107,000 แรงม้า

Weapon Unit
ดริลฮาเคน (Drill Harken)
ดริลดิกเกอร์ (Drill Dicker)
ดริลอาร์ม (Drill Arm)
ดริลแคชเชอร์ (Drill Catcher)

Vehicle Mode
อยู่ในร่างของรถถังขุดเจาะใต้ดิน สามารถขุดทะลวงลงไปใต้ดิน หรือเจาะเข้าไปในซากตึกที่ถล่มลงมาได้ เพื่อเข้าไปช่วยผู้คนที่ติดอยุ่ด้านใน
ความยาว : 9 เมตร
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 178 กิโลเมตร / ชั่วโมง (บนพื้นดิน)
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 46.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง (เวลาขุดเจาะ)
ผู้กล้าจอมพลังของทีมไดเวอร์ส ด้วยรูปร่างที่ดูบึกบึน ทำให้เขามีอาวุธหนักอยู่เต็มตัวไปหมด เวลาประกอบร่างเป็นการ์ดไดเวอร์ จะเป็นขาขวา ถูกทำลายไปในตอนที่ 46 แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมในตอนอวสาน

Posted Image
GUARD DIVER (พากษ์โดย Ryutaro Okiayu)
ส่วนสูง : 23.5 เมตร
น้ำหนัก : 71.2 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 980.5 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 1,200.5 เมตร
พลังกำลังในการขับเคลื่อนสูงสุด : 380,000 แรงม้า

Weapon Unit

ไดเวอร์ไรเฟิล (Diver Rifle) : ปืนไรเฟิลที่เกิดจากการประกอบอาวุธของไดเวอร์ทั้ง 4 คน มีความแม่นยำ และอานุภาพทำลายสูง
ไฮโดรแคนนอน (Hydro Cannon) : เป็นปืนฉีดน้ำดับเพลิงพลังสูงที่ติดตั้งอยู่ที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง
ไดเวอร์สปาร์ค (Diver Spark)
ไดเวอร์ดีโตนาเตอร์ (Diver Detonator)
ไดเวอร์แอทแทค (Diver Attack)
ไดเวอร์แองเคอร์ (Diver Anchor)
ไดเวอร์กิมเล็ต (Diver Gimlet)

Vehicle Mode
ไดเวอร์สทั้ง 4 คน สามารถประกอบร่างให้อยู่ในโหมดรถไฟชินคันเซ็นรุ่น SNCF TGV Sud-Est ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า Rescue Express
ความยาว : 24.2 เมตร
น้ำหนัก : 71.2 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 340,000 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังงานในการขับเคลื่อนสูงสุด : 380,000 แรงม้า

เป็นการประกอบร่างของเหล่าผู้กล้าทั้ง 4 คนของทีมไดเวอร์ส มีหน้าที่หลักในการกู้ภัย และช่วยสนับสนุนการต่อสู้ของ ไมท์ไกน์ และบอมเบอร์ส จัดว่าเป็นหุ่นผู้กล้าขวัญใจเด็กๆในเมืองกันเลยทีเดียว ในตอนที่ 46 การ์ดไดเวอร์ ให้ไมท์กันเนอร์ยิงคุ้มกัน แล้วก็ได้ลุยเข้าไปช่วยเด็กสาวคนหนึ่งให้ออกมาจากซากปรักหักพัง แต่ก็ถูกกองทหารหุ่นยนต์ของแบล็คนอร์รุมยิงจนแขนขวาขาด สุดท้ายก็ถูกรุมยิงจนหมดสภาพ และระเบิดเป็นเสี่ยงๆไป
ในตอนอวสาน ไดเวอร์สทั้ง 4 คนก็ได้รับการซ่อมแซมให้กลับมาลุยงานได้เหมือนเดิม

Posted Image

THE FORTESS “MIGHT STATION”

ฐานทัพของเหล่าผู้กล้า ที่ซึ่งมีรูปร่างด้านหน้ามีลักษณะคล้ายกับ ด้านหน้าของ โลโคโมไรเซอร์ ด้านบนของตัวฐาน เป็นหอบังคับการ ที่พวกฮามาดะ ใช้เป็นที่วางแผนการรบ และค้นหาศัตรู ปกติฐานทัพแห่งนี้ จะซ่อนอยู่ใต้ดินของพื้นที่คฤหาสน์ของไมโตะ และมันจะปรากฏตัวขึ้นมาก็ต่อเมื่อ ไมโตะเรียกโลโคโมไรเซอร์ หรือเรียกผู้กล้าคนใดคนหนึ่งออกไป ฐานทัพนี้ เป็นที่เก็บซ่อนเหล่าผู้กล้าในร่างรถด่วนไว้ โดยบรรจุในช่องคอนเทนเนอร์ทรงกระบอกขนาดใหญ่ ไล่ตั้งแต่หมายเลข 1 ของคอนเทนเนอร์ก็คือ โลโคโมไรเซอร์ หมายเลข 2 คือ แอนนิมอล เอ็กซ์เพรส หมายเลข 3 คือ เรสคิว เอ็กซ์เพรส หมายเลข 4 คือ ดริลเอ็กซ์เพรส และหมายเลข 5 คือไมท์กันเนอร์
ฐานทัพแห่งนี้ ในตอนอวสาน ได้ปลดตัวเองออก กลายเป็นยานบินขนาดใหญ่ “Great Train Fortess” มุ่งหน้าไปยังยานแม่ของแบล็คนอร์ เพื่อให้กระแสพลังจิตแห่งธรรมชาติของแซลลี่ เปล่งประกายได้เต็มที่

NON BRAVE
นอกจากหุ่นยนต์ของฝ่ายตัวเอกแล้ว เรามาดูกลุ่มหุ่นยนต์ที่ไม่ได้ฝักใฝ่กับตัวเอกบ้าง

Posted Image
HI-RYU
ส่วนสูง : 25.5 เมตร
น้ำหนัก : 76.5 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 780 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 870.3 เมตร
พลังงานขับเคลื่อนสูงสุด : 770,000 แรงม้า

Vehicle Mode
สามารถแปลงร่างเป็นโหมดยานบินความเร็วสูงได้
ความยาว : 23.8 เมตร
ความเร็วในการบินสูงสุด : 3807.5 กิโลเมตร/ชั่วโมง (3 มัค)

Weapon Unit
โพล เซ็คชั่นทรี (Pole Section III)
ฮิริว จาเวลิน (Hiryu Javelin) : ทวนยาว เป็นอาวุธหลักของฮิริว
ฮิริว ทงฟา (Hiryu Tonfa)
ฮิริว สไตร์เกอร์ (hiryu Striker) : ปืนเลเซอร์ไรเฟิลของฮิริว มีอานุภาพทำลายกับความแม่นยำสูง
ฮิริวบลาซเซอร์ (Hiryu Blazzer)


หุ่นรบที่มีพลังในการบินเข้าขั้นสุดยอด บังคับโดย เอซ โจ ยอดนักล่าเงินรางวัล ชื่อของฮิริวนั้น แปลตามตรงก็คือ “มังกรเหิรฟ้า” ซึ่งเหมาะกับทักษะการบินที่ยอดเยี่ยม เป็นผลงานการสร้างของ โวล์ฟกัง พลังในการบินของฮิริว ทำให้ได้เปรียบในยามสู้กับไมท์ไกน์ที่มีจุดด้อยตรงที่ไม่สามารถบินกลางอากาศ ได้นาน ค็อกพิทของฮิริวนั้น ได้มาจากรถยนต์ปอร์เช่ 928ของโจนั่นเอง Posted Image
เดิมทีนั้น ฮิริวมีชื่อว่า “โซนิค” รหัสเครื่องคือ “โซนิคเมก้า 8823” แต่เมื่อได้มอบให้โจแล้ว โจจึงเปลี่ยนชื่อมาใช้ว่า ฮิริว แทน ซึ่งความสามารถในการต่อสู้นั้น ทำให้ไมท์ไกน์สะบักสะบอมมาก็หลายตอน จนถูกทำลายไปในที่สุด แต่หลังจากนั้น ฮิริวก็เป็นฝ่ายถูกทำลายด้วยเช่นกัน จากความสามารถในการบินที่สูงกว่าของไมท์ไคเซอร์

Posted Image
GOH-RYU
ส่วนสูง : 30 เมตร
ส่วนสูง : 34.4 เมตร (รวมความสูงของปีก)
น้ำหนัก : 98.7 ตัน
ความเร็วในการวิ่งสูงสุด : 1,780.8 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ความเร็วในการบินสูงสุด : 9,792.8 กิโลเมตร / ชั่วโมง
พลังในการกระโดดสูงสุด : 1,870.3 เมตร
พลังงานการขับเคลื่อนสูงสุด : 1,680,000 แรงม้า

Vehicle Mode
สามารถแปลงร่างเป็นเครื่องบินรบหัวสว่านได้
ความยาว : 28.6 เมตร
ความเร็วในการบินสูงสุด : 11,016.2 กิโลเมตร / ชั่วโมง (9 มัค)

Fortress Mode
สามารถแปลงร่างเป็นฐานทัพเคลื่อนที่ขนาดย่อมๆได้ ใช้เป็นบ้านพักชั่วคราวของโจยามเดินทางไปไหน

Weapon Unit
หลิวโกแคนนอน (Liu Gou Cannon)
นัคเคิลบูสเตอร์ (Knuckle Booster)
มิซไซล์ (Missile)

เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับเกรทไมท์ไกน์ทีเดียว หุ่นยนต์ตัวนี้ เป็นผลงานตัวที่สองที่โวล์ฟกังสร้างให้กับโจ หลังจากที่ฮิริวถูกไมท์ไคเซอร์ทำลายลงไป โกริว หรือ “มังกรสายฟ้าฟาด” ถูกพัฒนาให้เพิ่มความแข็งแกร่งทั้งในรูปแบบหุ่นรูปทรงมนุษย์และยานรบ โดยติดตั้งหัวสว่านเข้าที่ส่วนปลายหัวเครื่องเจ็ท เวลาแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ก็ติดอาวุธหนักทั่วตัว ซึ่งเหมือนกับรวมเอาจุดเด่นของไมท์ไคเซอร์ และ เกรทไมท์ไกน์ไว้ในตัวโกริว ค็อกพิทของโกริว ก็ใช้รถยนต์คันใหม่ของโจคือ รถรุ่นลัมบอร์กินี่ เป้นค็อกพิทหลัก Posted Image
ภายหลัง เมื่อโจรู้ความจริงว่า ผู้ที่ฆ่า ดร.ชิชิโด้ พ่อของเขานั้น คือเอ็กซ์เซฟที่ว่าจ้างเขาให้มาจัดการไมท์ไกน์ โจจึงกลับใจ และหันมาร่วมมือกับไมโตะ คอยสืบหาเบาะแสต่างๆเกี่ยวกับเอ็กซ์เซฟ และเบล็คนอร์ จึงนับได้ว่า โจกับโกริว ก็คือผู้กล้าคนใหม่
ในตอนที่โวล์ฟกังเริ่มออกแบบและประกอบโกริวขึ้น ได้มีการโต้เถียงกับเอ็กซ์เซฟเรื่องความเหมาะสมกับความสวยงามของโกริวร่าง เครื่องเจ็ท ซึ่งเอ็กซ์เ.ซฟต้องการให้โวล์ฟกัง ตัดชิ้นส่วนที่เป็นหัวสว่านออก แต่ก็ไม่เป็นไปตามนั้น สุดท้าย อาวุธที่เอ็กซ์เซฟคิดที่จะทำลายทิ้ง กลับกลายเป็นอาวุธที่สังหารตัวเองจนตายอย่างอนาถในตอนอวสานนั่นเอง

Posted Image
BLACK GAINE (พากษ์โดย Yasunori Matsumoto)
ปรากฏตัวในตอนที่ 16 เป็นหุ่นยนต์ฝ่ายอธรรมของ โฮอิ โคโล ที่จงใจสร้างเลียนแบบไกน์ แต่กลับกลายเป็นว่า แบล็คไกน์นั้น มีความคิดที่จะปกป้องมนุษย์ และป้องกันเมือง จึงหันไปเข้าพวกกับเหล่าผู้กล้า ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่า ไกน์มีน้องชายอีกคนเลยทีเดียว

แต้ทายที่สุด แบล็คไกน์ได้ติดหลุมพรางของโฮอิ โคโล ทำให้โดนติดเครื่องควบคุมระบบ AI ไว้ที่ศีรษะ แบล็คไกน์เลยหันมาต่อสู้กับไมท์ไกน์ และได้ประกอบร่างกับ แบล็คไมท์วิงก์ และแบล็คโลโคโมไรเซอร์ กลายเป็นแบล็คไมท์ไกน์ไป แต่ในตอนท้ายเรื่อง สติของแบล็คไมท์ไกน์ได้กลับคืนมา และได้ช่วยป้องกันเมืองกับไมท์ไกน์ไว้ จนร่างกายตัวเองระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เหลือแค่เพียงส่วนหัว ซึ่งฉากนี้ ทำเอาแฟนๆที่ได้ดูรู้สึกสะเทือนใจมากๆ แต่ก็น่ายินดีที่กระแสตอบรับซีรี่ย์ไมท์ไกน์ พุ่งกระฉูดช่วงตอนนี้นี่เอง ที่ทางทีมงานผู้ผลิต สื่อให้เห็นว่า ไมท์ไกน์มีจิตใจที่เป็นมนุษย์ ไม่เหมือนหุ่นยนต์ ที่มีความเศร้า ความโกรธ ดีใจ เหมือนเฉกเช่นคนจริงๆ

ความโด่งดังของแบล็คไกน์ ทำให้ได้รับการบรรจุเข้าเป็นตัวละครใน เกมซีรี่ย์ Brave Saga อีกด้วย

Posted Image

0 Response to "[บทความ] Yuusha Series - Brave Express MightGaine เปิดตำนานของผู้กล้า ตอนที่ 2 - Yuusha Tokkyu MightGaine -"

Posting Komentar